จเรตำรวจแห่งชาติลั่น จังหวัดไหนสอบไม่เรียบร้อย”อมเบี้ยเลี้ยงโควิด”ส่งส่วนกลางลงไป

จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้าอมเบี้ยเลี้ยงโควิด แยกความผิด 3 ลักษณะ สั่งรายงานผลทุก 15 วัน

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พล.ต.อ.วิสนุ ประสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ(จตช.) กล่าวถึงกรณีร้องเรียนจากตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 รับเบี้ยเลี้ยงไม่เป็นไปตามสิทธิ์ที่ควรจะได้นั้น ว่าในเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีความห่วงใยและได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากพบผู้กระทำผิดก็ให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดทุกราย ทั้งนี้เมื่อได้รับมอบหมายให้ดำเนินการก็ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวโดยทันที จนถึงปัจจุบันหน่วยที่รายงานผลการตรวจสอบมาแล้วคือ บช.น. , ภ.1-9 ผลการตรวจสอบพบการกระทำผิด เป็น 2 กรณี คือกรณีแรกเป็นเรื่องร้องเรียนที่เกิดจากความไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด เช่น สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี กรณีนี้ผู้บังคับบัญชามีการชี้แจงทำความเข้าใจถูกต้องแล้วกรณีที่สองพบการกระทำผิดจริง ซึ่งจำแนกได้ 3 ลักษณะคือ 1.กระทำผิดระเบียบทางการเงิน แต่ไม่เจตนาทุจริต เช่น โอนเงินไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจการเงิน แต่มีการนำเงินจำนวนมาแจกจ่ายให้กับผู้มีสิทธิในภายหลังครบถ้วนแล้ว เช่น สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต 2.กระทำผิดระเบียบทางการเงินและส่อไปในทางทุจริต เช่น การโอนเงินไปยังบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์และต่อมาผู้มีสิทธิได้รับเงินไม่ครบถ้วน 3.มีการทำถูกต้องตามระเบียบทางการเงิน แต่ส่อไปในทางทุจริต เช่น การให้ผู้มีสิทธิ์รับเงินถอนเงินคืนมาให้ อาจจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามส่วนที่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีมูลกระทำผิดก็ได้สั่งให้แต่ละกองบัญชาการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 84 เพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป สำหรับระยะเวลาและขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยนั้นมีระยะเวลาดำเนินการนับ แต่ประธานกรรมการได้รับคำสั่ง 60 วัน หากยังไม่แล้วเสร็จสามารถขอขยายระยะเวลาได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วันและหากคณะกรรมการฯ สอบสวนแล้วพบว่าพฤติการณ์ของผู้กระทำเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยร้ายแรงก็จะต้องมีความเห็นเสนอให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงและหากพบว่ามีความผิดอาญาทุจริตต่อหน้าที่ราชการด้วยแล้วจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการป.ป.ช. หรือคณะกรรมการ ป.ป.ท. ดำเนินการตามกฎหมายตามอำนาจหน้าที่

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวต่อว่า สำหรับระยะเวลาการตรวจสอบข้อเท็จจริงในภาพรวมทั้งหมดนั้นเนื่องจากหน่วยงานและผู้มีสิทธิ์เบิกทั่วประเทศมีเป็นจำนวนมากต้องใช้เวลาตรวจสอบพอสมควร แต่ตนได้สั่งการกำชับลงไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ว่าในส่วนที่ตรวจพบการกระทำผิดแล้วก็ให้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทุกราย และกองบัญชาการใดที่ยังตรวจสอบไม่ครบทุกหน่วยก็ให้ตรวจสอบให้ครบ 100 เปอร์เซ็น ถ้าพบการกระทำผิดเพิ่มเติมก็ให้ดำเนินการทางวินัยโดยเด็ดขาดโดยให้รายงานมาให้ทราบทุก ๆ 15 วัน คือทุกวันที่ 1 และ15 เพื่อกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งสำนักงานจเรตำรวจจะคอยติดตาม เพื่อมิให้เกิดความล่าช้าถ้ายังไม่เรียบร้อยหรือมีการร้องเรียนมาอีกตนก็จะสั่งให้จเรตำรวจส่วนกลางลงไปดำเนินการ

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีและผบ.ตร. มีความห่วงใยข้าราชการตำรวจระดับปฏิบัติการเป็นอย่างมาก เพราะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างยากลำบากเสียสละ เพื่อพี่น้องประชาชน จึงได้จัดสรรเงินงบประมาณมาให้เป็นเบี้ยเลี้ยงที่ควรจะได้รับและต้องให้ถึงมือผู้ปฏิบัติจริงๆ ดังนั้นเมื่อปรากฏเรื่องร้องเรียนขึ้นมา ก็ได้สั่งการให้มีการสั่งตรวจสอบเรื่องนี้ในทันทีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องที่ทำการตรวจสอบอยู่นี้แม้ไม่มีการร้องเรียนตามระบบทางราชการเป็นการร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็ไม่ได้ปล่อยให้เรื่องผ่านไป เราก็รีบดำเนินการโดยทันทีไม่มีการละเว้น

Advertisement

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า ในส่วนของหน่วยปฏิบัติก็ได้มีการกำชับให้ผู้บริหารหน่วยทั้งในระดับผกก. ผบก. และผบช. ให้ใส่ใจในเรื่องดังกล่าวทุกขั้นตอน รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินให้ถูกต้อง รวมทั้งต้องมีการสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ได้รับรู้กันอย่างทั่วถึงและถูกต้องชัดเจนไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด คือต้องทำอย่างโปร่งใส ตนคิดว่าการดำเนินการอย่างจริงจังในครั้งนี้น่าจะเป็นการป้องกันปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ผู้ที่คิดจะกระทำในลักษณะนี้อีก จะไม่กล้ากระทำเพราะเกรงว่าจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ได้เปิดช่องทางร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสข้อมูลอย่างเปิดกว้างในทุกช่องทางทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการเช่นผ่านหมายเลข 1599 หรือร้องเรียนมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสำนักงานจเรตำรวจ ทั้งโดยการเข้ามาร้องเรียนด้วยตนเอง ทางไปรษณีย์หรือทางเว็บไซต์ และในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ เช่นผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ จะรับฟังทั้งหมด

“ผมคิดว่าถ้าเราได้ทำในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แล้วการกระทำในลักษณะนี้จะลดลงไปได้ แต่หากปรากฏขึ้นมาอีก ก็จะดำเนินการอย่างรวดเร็วไม่มีการละเว้นและมีบทลงโทษกับผู้กระทำผิดอย่างแน่นอนอันนี้ผมขอยืนยัน” จเรตำรวจแห่งชาติกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image