ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 วันที่ 4 ก.พ.ที่ สภ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 เดินทางประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.สิทธิพน ธรรมสถิตย์พร ผบก.ภ.จว.พัทลุง พ.ต.อ.วิชัย วิชยานฤพล ผกก.สภ.ศรีนครินทร์ และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ติดตามคดีกรณีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุฆ่าโหด นายภาสกรณ์ คงสวัสดิ์ อายุ 18 ปี บ้านอยู่ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง และนำศพไปขุดหลุมฝังกลางป่าเขาบรรทัด พร้อมกับทำร้ายร้ายกายแฟนสาวบาดเจ็บสาหัสแล้วนำร่างไปทิ้งเหวหวังฆ่าทิ้งอีกศพ แต่ฝ่ายหญิงกลับรอดปาฏิหาริย์ ซึ่ง พล.ต.ท.วีรพงษ์ ใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพขณะกำลังประชุม
หลังประชุมแล้วเสร็จ พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 กล่าวว่า คดีดังกล่าวมีการตั้งคณะทำงานสอบสวนโดยเฉพาะ มี พ.ต.อ.เอนก ศรีคำอ้าย. รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งการสอบสวนมีความคืบหน้าไปอย่างมาก แต่อาจจะต้องใช้อีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากกลุ่มบุคคลที่กระทำผิดเป็นเยาวชน ต้องใช้กลุ่มบุคคลสหวิชาชีพ เข้าร่วมในการสอบสวน แต่จากพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมไว้ได้ในขณะนี้ มีเพียงพอที่จะเสนอต่อศาลเพื่อเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหาได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากทางผู้เสียหาย ติดใจว่าจะให้ดำเนินคดีกับใครอีก ก็สามารถเข้ามาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่จะดำเนินคดีกับใครได้นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่าจะสืบสวนไปถึงบุคคลนั้นหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะสอบสวนในวงกว้าง และไม่มุ่งเน้นเฉพาะผู้ต้องหา5 ราย ที่จับกุมมาได้ในขณะนี้
พล.ต.ท.วีรพงษ์ กล่าวถึง ในส่วนของคดีฆ่าแล้วฝัง ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.กงหรามาก่อนหน้านี้ และคดีที่เกิดในพื้นที่ อ.ศรีนครินทร์ นี้ ที่มีพฤติกรรมการก่อเหตุคล้ายคลึงกันนั้น จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกัน แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ทาง ตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปหาข้อมูลความเชื่อมโยงแล้ว ซึ่งหากพบว่าผู้ต้องหาบุคคลหนึ่งบุคคลใด เกี่ยวข้องกับคดีเก่า ก็จะนำมาสอบขยายผลต่อไป
ที่ศาลากลาง จ.พัทลุง นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก จนท.ตร แล้วว่าสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้วครบทั้ง 5 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน รู้สึกเป็นห่วงเยาวชนเป็นอย่างมาก ตนได้สั่งกำชับทำคดีอย่างถูกต้องตรงไปตรงมา และต้องเที่ยงธรรม โดยได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้หามาตรการกวดขันป้องปรามกับกลุ่มเยาวชนที่ตั้งตัวเป็นก๊กเป็นกลุ่มในพื้นที่ เร่งหาข้อมูลโดยให้แต่ละพื้นที่เร่งสำรวจ โดยเฉพาะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดถึงผู้นำท้องถิ่นทุกองค์กร จากนั้นส่งให้ จนท.ตร ได้รับทราบ เร่งวางแผนแก้ปัญหา ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก สถาบันครอบครัวจะต้องหันมาใส่ใจบุตรหลานให้มากกว่าเดิม อย่าให้เกิดเรื่องรุนแรงอีก และว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ทางจังหวัดไม่นิ่งนอนใจต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอีกครั้ง
