อัยการยกกรณีสอนใจข้าราชการเบียดบังภาษีที่ดินทีละร้อย-ทีละพัน ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 410ปี

รองอธ.อัยการปราบทุจริตภาค9 ยกกรณีสอนใจข้าราชการ พนักงาน อบต.เบียดบังภาษีที่ดินทีละหลักร้อยละพันพัน 82 ครั้ง ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 410ปี

เมื่อวันที่ 9 มกราคม นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษก อัยการปราบปรามทุจริตภาค9 เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฯในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริตภาค9 ยื่นฟ้องน.ส.มนัสวี  หรือชุมภูนุช หรือแอน  สีมังมาศ จำเลยเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 55/2562  คดีหมายเลขแดงที่ อท 14/2563  
ฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาเงินภาษีและค่าธรรมเนียม ฯ รายได้ของท้องถิ่น เป็นของตนโดยทุจริตรวม 82 ครั้ง เบียดบังทรัพย์ทีละหลักร้อยหลักพันจำนวนเงินรวม 93,163.26 บาท

โดยคดีนี้พนักงานอัยการฟ้องมีพฤติการณ์สรุปว่า น.ส.มนัสวี หรือชุมภูนุช หรือแอน  สีมังมาศ จำเลย ขณะรับราชการ ตำแหน่งพนักงานส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนตำบลหารเทา อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ 2 มีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และรายได้อื่น ๆ ออกใบเสร็จรับเงิน รวบรวมเอกสารส่งให้การเงินและนำเงินฝากธนาคาร ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547
พฤติการณ์แห่งคดีกล่าวคือ จำเลยได้อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่จัดการ ควบคุม และดูแลรักษาเงิน ได้จัดเก็บและรับเงินภาษีบำรุงที่ดิน ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน และรายได้อื่น ๆ จากผู้เสียภาษีซึ่งเป็นเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลหารเทา แล้วไม่นำเงินเข้าบัญชีเงินฝากหรือส่งมอบให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลหารเทา ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 โดยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการหลายกรรมต่างกัน รวม 82 กรรม

การที่จำเลยได้กระทำเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตรา ดังนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 147, 157พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3, 13 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 7
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาเมื่อวันที่ 8มิ.ย. 63 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม)  การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 410 ปี

Advertisement

จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 205 ปี แต่เมื่อรวมโทษความผิดทุกกระทงแล้วคงให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)  คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ในส่วนนี้คือเงินที่จำเลยเบียดบังไปจำเลยได้นำส่งคืนให้แก่ทางราชการแล้ว

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9

ซึ่งเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

Advertisement

ทั้งนี้จำเลยยังมีสิทธิ์ตามกฏหมายที่จะขออนุญาตศาลฎีกายื่นฎีกาต่อไป จึงขอฝากเป็นคดีตัวอย่าง
อย่าคิดว่าเบียดบังเงินครั้งละเล็กน้อยเเล้วจะไม่โดนจับ สตง. หรือฝ่ายตรวจสอบจะไม่สนใจถ้าเป็นเรื่องทุจริต เบียดบังเงินหลวง แม้จำเลยจะนำเงินคืนหลวง แต่ศาลยังลงโทษหนักอย่างคดีนี้จำคุก 410 ปีก่อนลดโทษ เพราะจำเลยให้การรับสารภาพ

“บางคนอาจคิดว่าเงินหลักร้อยหลักพัน ไม่น่าจะทุจริต ระบบตรวจสอบเดี๋ยวนี้ทั้ง สตง. และผู้มีหน้าที่ไม่ว่าจะกองคลังหรือฝ่ายบัญชีทุกคนก็มีความเป็นมืออาชีพ อย่าทุจริตกันเลยนะครับ”รองอธ.อัยการปราบปรามทุจริตภาค9กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image