บิ๊กต๊อก ตอบ วีระ “ไม่รู้” ทหารคนไหนเอี่ยวของละเมิดลิขสิทธิ์โรงเกลือ ถ้ารู้ขอชื่อ จัดการ (คลิป)

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ลงเฟสบุ๊ก ถาม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถูกพ่อค้ากัมพูชารุมทำร้าย หลังจับสินค้าหนีภาษีและสินค้าละเมิดลิจสิทธิ์ ที่ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ว่า ตนขอตอบว่าในพื้นที่นี้ไม่มีใครไม่รู้หรอกว่ามีการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะตลาดโรงเกลือเป็นสถานที่เขตธุรกิจใหญ่พอสมควรในชายแดน ไม่ได้ตั้งอยู่วันสองวัน แต่มันตั้งมานานแล้ว เพราะฉะนั้นสินค้าพวกนี้ คนทั่วไปก็เป็นที่รับรู้และเข้าใจได้ว่าเป็นแหล่งสินค้าประเภทนี้ มันปฏิเสธไม่ได้หรอก เพราะประชาชนเดินเข้าเดินออก รัฐคงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ คนในพื้นที่เองก็คงไม่ปฏิเสธ

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนอีกเรื่องคือ เวลาดีเอสไอทำงานไม่ทราบหรอกว่าดีเอสไอจะลงไปทำงานอะไร เพราะดีเอสไอมีอำนาจหน้าที่ทั่วราชอาณาจักร มีงานที่ต้องดูแลรับผิดชอบทั่วประเทศ ฉะนั้น จะมาถามว่ารัฐมนตรีรู้เรื่องหรือไม่ ซึ่งรัฐมนตรีคงไม่รู้หรอก เพราะวันหนึ่งๆดีเอสไอไปตรงนั้นตรงนี้ ไม่จำเป็นต้องรายงานมายังตน เหมือนการจับพวกยาบำรุง ยาอะไรพวกนี้ ซึ่งตนก็ยังไม่รู้เลย เพราะเขาไม่ได้มารายงาน หรือจับแล้วค่อยมารายงาน แต่เขาก็ทำแบบนี้ คือ มีหมายศาล แสดงตน มีเจ้าหน้าที่ทั้งชุดในและนอกเครื่องแบบ ซึ่งดีเอสไอก็ทำแบบนี้

รมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่อง ที่นายวีระ พูดว่า พล.อ.ไพบูลย์ ทราบเรื่องทหารนั้นตนไม่แน่ใจเหมือนกันจึงอยากให้นายวีระมาบอกเอาชื่อมา ในอดีตเคยรับผิดชอบพื้นที่ สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และยังเตือนทหารว่าถ้ายุ่งเกี่ยวจะสั่งย้ายแน่นอน ถ้าพูดเรื่องนี้คือความจริงมันปฏิเสธไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าให้ผมรู้ว่าตัวบุคคล หรือมีทหารใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ยืนยันว่าอย่างไรก็ไม่ทราบ

“แต่ถามว่า มันเชื่อมโยงกับข้าราชการในพื้นที่ขนาดไหน มันก็ทำให้ประชาชนอาจสงสัยได้เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้ผมถึงพูดตั้งแต่แรก เราไม่ควรปฏิเสธว่าไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น ข้าราชการการปกครอง ข้าราชการในส่วนของกระทรวงอื่น ไม่ว่า ตม.ศุลกากร ข้าราชการทหารที่ดูในพื้นที่ เพราะมันเป็นเขตชายแดน ตำรวจที่อยู่ที่นั่น คนในพื้นที่มันต้องตอบโจทย์ในสังคมเองให้ได้ มันจะปฏิเสธความไม่รับรู้ไม่ได้”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

Advertisement

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า แต่ว่าการเข้าไปแก้ปัญหามันยากขนาดไหน ต้องพูดอีกเรื่องหนึ่ง การแก้ปัญหาเป็นเขตเศรษฐกิจ การดูแลเรื่องความมั่นคง ดูแลธุรกิจ และสังคม ซึ่งแบบนี้มันเป็นปัญหาสังคม การใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย เป็นสิ่งที่คนในพื้นที่ต้องดูแล ซึ่งดีเอสไอเป็นคนนอกพื้นที่ หากถามว่าดีเอสไอทำงานอย่างไร ก็ขอตอบว่า วันที่ดีเอสไอเข้าไปทำงาน มาทราบภายหลัง และได้สอบถามอธิบดีดีเอสไอว่า 1.มีหมายศาล เพราะฉะนั้นจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นซึ่งไม่ใช่ 2.ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และ 3.มีเจ้าหน้าที่ในนอกเครื่องแบบชัดเจน ซึ่งเป็นวิธีการทำงานของดีเอสไอในหลายพื้นที่ และก็ทำลักษณะนี้ มันก็ตอบโจทย์สังคมได้แล้วว่าเจ้าหน้าที่เขาทำตามหน้าที่ และการเข้าพื้นที่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกหน่วยในพื้นที่

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการร้องเรียนจากทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งเกี่ยวพันกับนอกประเทศด้วย โดยร้องผ่านสถานทูตมาด้วยซ้ำ ส่วนจะร้องไปยังหน่วยในพื้นที่หรือไม่ ไม่ทราบ แต่เมื่อมีการร้องมายังส่วนกลาง หน้าที่ของเรากระทรวงยุติธรรมต้องทำตามหน้าที่ และทำเหมือนกับกรณีอื่นทั่วไป ซึ่งมีการขอหมายศาลชัดเจน ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้อธิบดีดีเอสไอ ไปหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งทุกหน่วยต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องมีการจัดระเบียบชาวกัมพูชาที่เข้ามาค้าขายหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ เพียงแต่ดีเอสไอไปตามหน้าที่ของเรา แต่เชื่อว่ามันคงไปพัวพันเรื่องอื่นแล้วใช่หรือไม่ ซึ่งคงไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม ถึงพูดว่าจะต้องหารือว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร อย่างที่เราพูดกัน เช่น การจัดระเบียบ เป็นต้น ทั้งนี้ หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.พ. มีการกระทำขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกถึงอำนาจรัฐที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งจะต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้สักที ซึ่งตนเชื่อว่าการค้าที่ถูกต้องมันสามารถทำได้

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีมีตัวแทนสมาคมคนค้าขายชายแดน ออกมาระบุว่า ขอให้เห็นใจว่าให้สามารถขายสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ เพราะคนที่มีรายได้น้อยต้องการใช้ของแพงมีจำนวนมาก พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ถ้าพูดอย่างนี้ แล้วพื้นที่อื่นขายของละเมิดลิขสิทธิ์ได้หรือไม่ มันก็ไม่ได้ เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องมีหน้าที่ทำความเข้าใจกับประชาชน ถ้าตรงนั้นขายได้กรุงเทพฯก็ต้องขายได้ ขายได้ทุกที่ มันเลือกปฏิบัติได้หรือ ดังนั้น กระทรวง ทบวงกรมที่เกี่ยวต้องไปหาวิธีการมา แต่อย่าให้ประชาชนมาขอว่าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่ตรงนี้ และที่อื่นจะไม่ตามกันหมดหรือ ซึ่งมันรุนแรงขึ้นทุกวัน ถ้าเรายังไม่จัดการปัญหาตรงนี้

เมื่อถามต่อว่า ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ในพื้นที่ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ในฐานะหน่วยตรวจสอบจะเข้าไปกับทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก็มีการประพฤติมิชอบก็ใช่อยู่แล้ว จึงบอกนายวีระไงว่าให้เอาชื่อมา คนอย่างตนจัดการได้ แต่ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าคนในพื้นที่รับรู้หรือไม่ ซึ่งคนในพื้นที่ก็คือเจ้าหน้าที่รัฐ แต่พอบอกว่าพล.อ.ไพบูลย์รู้ ตนยืนยันเลยว่าไม่รู้ และไม่ได้โกหกประชาชนหรอก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image