จากกรณีที่พนักงานสอบสวน กองปราบปรามได้ยื่นคำร้องขอฝากขังนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์กับพวกรวม 13 คนนั้น ต่อมานายเสี่ยโป้อานนท์ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาร่วมได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวเป็นเงินสดคนละ 100,000 บาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขัง
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น.เศษ ศาลอาญาได้มีคำสั่งระบุว่า พิเคราะห์ ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีประกอบข้อคัดค้าน ของพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่าตามคำร้อง ของพนักงานสอบสวน ขอฝากขังผู้ต้องหากับพวก เป็นการแบ่งหน้าที่การกระทำความผิด เป็นกระบวนการมีผลกระทบต่อความสงบสุขของประชาชนและเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม หากอนุญาต ให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาไป มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงหรือทำลาย พยานหลักฐานหรือจะหลบหนีจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวให้ยกคำร้อง
นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผกก.สันติบาล เปิดเผยว่า ภายหลังจากศาลมีคำสั่งยกคำร้องในการปล่อยตัวนายอภิรักษ์ พร้อมพวกรวม 13 ราย โดยหลังจากนี้ตนจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งเพื่อให้ศาลสูงสุดพิจารณาให้โอกาสเสี่ยโป้ออกมาต่อสู้คดี สำหรับขั้นตอนต่อไปจะแสดงเหตุผลประกอบพร้อมแสดงหลักฐานว่าในคดีนี้มีการยัดเยียดข้อกล่าวหา อีกทั้งการกล่าวหาจากทางเจ้าหน้าที่ก็เป็นการกล่าวหาเพียงฝ่ายเดียว รวมถึงเหตุของคดีในท้ายคำร้องการฝากขังระบุว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 สิ
หาคม 2561 จนถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2563 ซึ่งเพราะสาเหตุใดทางเจ้าหน้าที่จึงทราบเรื่องช้าและใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเป็นปี โดยก่อนหน้านี้เสี่ยโป้ก็ใช้ชีวิตเป็นปกติและเพราะสาเหตุใดถึงเพิ่งมาจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลไม่อนุญาตให้นายเสี่ยโป้ กับพวกประกันตัว ทั้งหมดจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำโดยผู้ต้องหาชายจะถูกคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนผู้ต้องหาหญิงจะถูกคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ต่อไป
นายเสี่ยโป้กล่าวว่า”ทำผมคนเดียวดีกว่าทำครอบครัวผม ถ้าจะเเกล้งๆผมคนเดียวอย่าเเกล้งครอบครัวผม”
