แรงงานเขมรหนีจากภาคใต้มาโผล่ที่สระแก้ว เจ้าหน้าที่จับได้ขณะเตรียมข้ามแดนเข้ากัมพูชา บอกตกงานอยากกลับบ้าน
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 พ.อ.เอกพงษ์ กฤยาเกียรติชุติ ผู้บังคับชุดควบคุมกรมทหารพราน 12 ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีแรงงานผิดกฎหมายทำการลักลอบข้ามชายแดนในพื้นที่ชายแดน เขตเทศบาลตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้ พ.ต.ชาญ ว่องไวเมธี ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1205 ประสานกับ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรบ้านคลองลึก นำกำลังเข้าร่วมทำการลาดตระเวน บนถนนศรีเพ็ญ เป็นถนนเลียบชายแดนไทยกัมพูชาและจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดักซุ่มตามพื้นที่ต้องสงสัยต่างๆในพื้นที่ชายแดนเทศบาลตำบลป่าไร่ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เพื่อป้องกันและจับกุมการลักลอบข้ามชายแดนอย่างเข้มงวด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดดักซุ่มที่บริเวณใกล้กับบ้านป่าไร่ใหม่ อยู่ห่างจากชายแดนประมาณ 500 เมตร พบชายต้องสงสัยจำนวน 8 คนเดินสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าจะมุ่งหน้าเข้าไปยังชายแดน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นเอกสารการเดินทาง แต่ชายต้องสงสัยทั้งหมดไม่สามารถนำมาแสดงให้ดูได้ โดยอ้างว่าพวกตนเป็นชาวกัมพูชา ต้องการเดินทางข้ามชายแดนจากฝั่งไทยไปฝั่งกัมพูชา เพื่อกลับบ้านเกิด เจ้าหน้าที่จึงทำควบคุมตัวชาวกัมพูชาทั้งหมดมาทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เพื่อป้องกันการแพร่ของเชื้อโควิด-19 และสอบสวนอย่างละเอียด ผลการตรวจวัดดังกล่าวชาวกัมพูชามีอุณหภูมิในร่างปกติทุกคน
จากการสอบสวนเบื้องต้นโดยผ่านล่ามแปลภาษากัมพูชา ชาวกัมพูชาทั้งหมดยอมรับสารภาพว่า เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมาพวกตนได้ทำการลักลอบข้ามชายแดนเข้ามารับจ้างทำงานกรีดยางที่จังหวัดนครีธรรมราช และจังหวัดสุราชธานี ต่อมาเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ขึ้น เจ้าของสวนยางคนไทยจึงงดการกรีดยาง พวกตนจึงตกงานเลยชักชวนกันเดินทางกลับประเทศกัมพูชา โดยนั่งรถโดยสารประจำทางมาลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ เสียค่าโดยสารคนละ 4,000 บาท
จากนั้นได้เหมารถแท็กซี่ 2 คันจากสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้มาส่งที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจ่ายค่าโดยสารคนละ 3,000 บาท โดยพวกตนมีจุดมุ่งหมายจะลักลอบข้ามชายแดนกลับไปบ้านเกิดในฝั่งกัมพูชา หลังสอบสวนเสร็จเจ้าหน้าที่ได้นำตัวชาวกัมพูชาทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อย 127 ทำการผลักดันกลับประเทศกัมพูชาต่อไป
