สุดเศร้า! ‘แพร วทานิกา’ แจ้งความคนสนิทข้อหา ‘ลักทรัพย์’ คิดไม่ถึงความไว้ใจ ทำให้ถูกทำร้าย
จากกรณีที่ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์วทานิกา (VATANIKA) แพร – วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา ร่อนประกาศบริษัทปลดพนักงานรายหนึ่งอย่างเป็นทางการ ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 หลังตรวจสอบพบว่าพนักงานรายดังกล่าวซึ่งเป็นคนสนิทที่ทำงานด้วยมานานกว่า 7-8 ปี ได้ลักลอบนำสินค้าของบริษัท และสินค้าที่ไม่ได้ผลิตจากบริษัทไปแอบอ้างทำการขายให้กับลูกค้าในราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติ โดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากบริษัท ซ้ำยังได้หลอกลวงลูกค้าให้หลงเชื่อโอนเงินจากการซื้อขายเข้าบัญชีส่วนตัวโดยมิได้โอนเงินนั้นคืนให้บริษัทนั้น
อ่าน : ร้าว! ‘แพร วทานิกา’ ปลดพนักงานปลอมสินค้าขายราคาต่ำ โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ วทานิกา พร้อมทนายความส่วนตัวได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับพนักงานกลุ่มดังกล่าว
วทานิกาให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเศร้าและกล่าวเสียงสั่นเครือว่า กับเรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจ เพราะเป็นคนให้ความสำคัญกับลูกน้อง และอยู่กันเหมือนครอบครัว จึงไม่คิดว่าเขาจะเอาความจริงใจ ความไว้ใจมาเป็นโอกาสในการทำร้ายแพร แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดจริง เพราะหลักฐานการกระทำความผิดมีอยู่ชัดเจน ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องก็ไม่ได้คุยกับเขา และเขาก็ไม่มีติดต่อมาขอโทษอะไร ซึ่งสำหรับแพรก็เสียความรู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรจะพูดหรือบอกกับเขา
“จริงๆ แพรอยากให้เป็นเรื่องภายในบริษัท แต่มีการแอบอ้างชื่อแพรด้วย ลูกค้าที่เสียหายแจ้งข้อมูลมาว่าเขาคุยกับลูกค้าแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย แพรเลยอยากออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง” วทานิกากล่าว
ด้านทนายความเปิดเผยว่า คุณแพร วทานิกา ติดต่อตนมาหลังบริษัทได้รับร้องเรียนว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ ซึ่งทางแบรนด์ตรวจสอบแล้วพบว่าสินค้ามีตราของแบรนด์ติดอยู่แต่ไม่ใช่สินค้าที่ผลิตโดยแบรนด์ ประกอบกับลูกค้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้โอนเงินค่าสินค้าไปยังบัญชีของอดีตลูกจ้างซึ่งไม่ใช่บัญชีของบริษัท จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้เรียกอดีตลูกจ้างกลุ่มนี้มาสอบสวน
ซึ่งทั้งหมดได้รับสารภาพผิดแล้วด้วยจำนนด้วยหลักฐานซึ่งก็คือหลักฐานการโอนเงิน ความผิดในที่นี้เป็นความผิดคดีอาญาคือลักทรัพย์นายจ้าง และละเมิดต่อนายจ้างซึ่งยอมความไม่ได้เพราะประการสำคัญคือทำมาแล้วกว่า 2-3 ปี ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของแบรนด์อย่างมาก เพราะผู้เสียหายหรือลูกค้ามีความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ว่าจะได้ของคุณภาพแต่กลับได้ของคุณภาพไม่ดี ด้วยหลงเชื่อว่าอดีตพนักงานกลุ่มนี้กระทำแทนบริษัท ในการแจ้งความครั้งนี้จึงเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของทางแบรนด์ด้วยว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้
ทนายความกล่าวต่อว่า ในด้านมูลค่าความเสียหายตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ แต่ ณ เวลานี้ก็หลายล้านบาท จะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป ส่วนเหตุผลที่กระทำผิด ได้ถามอดีตลูกจ้างไปแล้วแต่เขาไม่ยอมตอบ
