อัยการฟ้องผู้บริหาร8ร.ร.-พวกทุจริตเปิดซองสอบราคา โทษหนักคุกตลอดชีวิต

นายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด(ซ้าย) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง(ขวา)

อัยการปราบทุจริตฯภาค 9 ยื่นฟ้องผู้บริหาร8 ร.ร.เขต1สงขลา กับพวกทุจริตเปิดซองสอบราคา โครงการจัดซื้อจัดจ้างติดตั้งปรับปรุงระบบไฟฟ้า เอกสารกว่า 5.3 หมื่นแผ่น ข้อหาหนักโทษจำคุกตลอดชีวิต

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค9 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อัยการได้ยื่นฟ้อง ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่มิชอบระดับ ผู้อำนวยการโรงเรียน เจ้าหน้าที่พัสดุ และคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา ซึ่งเป็นบุคลากรของแต่ละโรงเรียนรวม 17 คน และผู้รับจ้างทำงาน รวม 3 คน รวมทั้งหมด 20 คน ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างติดตั้งปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียน

นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่าคดีนี้มีจำเลยรวม 20 คน ตามคำสั่งอัยการสูงสุดที่สั่งรับดำเนินคดีจำเลยทั้งหมด จาก8โรงเรียนแล้ว ได้แก่ โรงเรียนบ้านเขาแดง โรงเรียนวัดท้ายยอ โรงเรียนวัดสถิตย์ชลธาร โรงเรียนวัดบ่อสระวิทยาทาน โรงเรียนวัดบ้านม่วงงาม โรงเรียนวัดบ่อทรัพย์ โรงเรียนตะเครียะวิทยาคม โรงเรียนระโนด สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสงขลาเขต 1 เหตุเกิดเมื่อปีพ.ศ. 2549-2550 คดีในภาพรวมคือผู้อำนวยการโรงเรียน เจ้าหน้าที่พัสดุ และคณะกรรมการเปิดซองสอบราคา ซึ่งเป็นบุคลากรของแต่ละโรงเรียนรวมทั้งหมด 20 คน มีพฤติการณ์การกระทำความผิด ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างติดตั้งปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียนของแต่ละโรงเรียนผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งซื้อสั่งจ้าง เจ้าหน้าที่พัสดุ คณะกรรมการเปิดซองสอบราคาไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 เป็นการกระทำความผิดฐานเจ้าพนักงานร่วมกันทุจริตต่อหน้าที่ราชการและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 โดยมีฝ่ายผู้รับจ้างได้ร่วมกันสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวอันเป็นความผิดคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

เป็นฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 86 90 151 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 3,12 อัตราโทษสูงสุด จำคุกตั้งแต่ห้าปีถึง 20 ปีหรือจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท สำหรับจำเลยทั้ง 20 ราย มีสิทธิที่จะต่อสู้คดีตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

Advertisement

เรื่องนี้มีข้อสังเกตที่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกคือ เหตุใดผู้อำนวยการและผู้บริหาร ของโรงเรียน สังกัดพื้นที่การศึกษาเขตหนึ่งจังหวัดสงขลา จึงไม่ปฏิบัติตามระเบียบพร้อมกันถึง 8 โรงเรียน ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย จึงขอฝากผู้บริหารโรงเรียนด้วยความห่วงใย ขอให้ยึดมั่นในระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการโดยเคร่งครัด เวลาต้องคดีขึ้นศาล ไม่มีใครมาช่วยท่านได้ เวลาอยู่ในตำแหน่ง อย่ามองข้ามระเบียบราชการ กฎหมายและระเบียบทุกเรื่องในการปฏิบัติงานต้องยึดถือให้รอบคอบรัดกุม จึงขอให้ศึกษาคดีนี้เป็นตัวอย่าง ต้องคดีแล้วจะถูกงดบำเหน็จบำนาญ สวัสดิการค่ารักษาพยาบาลก็จะถูกตัดสิทธิ์ด้วยเช่นกัน คู่สมรส ก็จะถูก ตัดสิทธิ์ตามไปด้วย สิทธิประโยชน์จากการรับราชการมาทั้งชีวิต อาจหายหมดไปในทันที อัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 จึงขอเตือน รับราชการก็ต้องซื่อสัตย์และสุจริต คดีนี้ส่วนมากเกษียณอายุราชการมาประมาณสองถึงสามปี ต่อจากนี้จะไม่มีสวัสดิการของรัฐทั้งบำเหน็จบำนาญ สิทธิประโยชน์ในฐานะข้าราชการและค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป

คดีนี้เจ้าของสำนวนคือนายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด ก่อนหน้านี้มีผู้สื่อข่าวมาติดตามสอบถาม แต่สำนักงานอัยการปราบปรามทุจริตภาค9 ยังไม่เปิดเผยข้อมูลจนกว่าจะยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมดให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อน เนื่องจากต้องยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมดรวม 20คน ต้องแยกฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 เป็นรายโรงเรียนรวมจำนวน 8 โรงเรียน สำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ปปช. มีรายละเอียดรวมทั้งหมด 18 แฟ้มหนา จำนวน 6,722 แผ่น เมื่อยื่นฟ้องต่อศาล แต่ละโรงเรียนต้องเสนอสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงทั้งหมด 18 แฟ้ม เป็นหนึ่งสำนวน รวม8 สำนวน รวม 144แฟ้มเอกสารรวมจำนวน 53,776แผ่น โดยอัยการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. จัดทำตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนแล้วนำไปยื่นฟ้องต่อศาลเป็นที่เรียบร้อย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image