ผู้หมวดหน้าเข้มน้ำใจงาม

ผู้หมวดหน้าเข้มน้ำใจงาม

ผู้หมวดหน้าเข้มน้ำใจงาม

มีภาพนายตำรวจในเครื่องแบบชื่อ ร.ต.ท.ปราโมทย์ ตระกูลวังทอง รองสารวัตรจราจร สภ.เมือง จ.ตรัง หน้าดุปรากฏขึ้นในสื่อโซเชียล พร้อมทั้งมีข้อความแสดงความชิงชังและเหยียดหยามด้วยถ้อยคำหยาบคาย

วินาทีแรกที่เห็นภาพ (โดยไม่ทันได้อ่านข้อความ) ผมเหมือนมีความรู้สึกในใจสนองตอบขึ้นมาทันทีว่า “เข้าท่าแฮะ” และมองอย่างอารมณ์ดีว่าคนโพสต์รูปนี้ช่างมีอารมณ์ขันเหลือเกิน

ไม่ได้ดุแบบอาชญากร หรือยักษ์มาร หรือผีสาง แต่เหมือนแสร้งทำดุแบบน่ารักอย่าง “มิสเตอร์บีน” มากกว่า

พร้อมกันนั้นก็นึกถึง พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช (อดีต ผบก.ภ. เขต 8) ด้วยความเคารพนับถือ และอบอุ่นใจ

Advertisement

แต่พอได้อ่านคำหยาบคายที่ใช้ “ภาษาเสียง” ใช้คำเสียงพ้อง หรือเลี่ยงภาษาเขียน เช่น เลี่ยงคำว่า “สัตว์” เป็น “สัส” หรือ “สลัด” ทั้งนี้ โดยไม่มีเหตุอะไรเป็นชนวนให้เกิดความชิงชังถึงปานนั้น ผมรู้สึกกระเทือนใจและโกรธผู้โพสต์ข้อความ ขณะเดียวกันก็อดที่จะวิตกไม่ได้ว่า คุณปราโมทย์ทำอะไรผิด/ชั่วหรือ ถึงได้โดนด่ารุนแรงอย่างนั้น

ลูกชายของคุณปราโมทย์ทำงานอยู่เชียงรายก็คงสงสัยเหมือนผม เพราะเขารีบโทรศัพท์ถามพ่อด้วยความเป็นห่วง

ครั้งที่ผมเป็นผู้บังคับหมวดอยู่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา นายแพทย์อมร แสนสุข เล่าให้ฟังว่าไปตัดผมที่ร้านในเมืองนครศรีธรรมราช รู้สึกตื่นเต้นดีใจที่มีโอกาสได้เห็น พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อย่างจะจะจากกระจกเงาในร้านตัดผม เพราะไปนั่งเก้าอี้เคียงกัน

Advertisement

“สบตากันทางกระจกเราต้องคอยหลบ” พี่อมรเล่าพลางหัวเราะพลาง “เพราะตาท่านดุมาก เก้าอี้หันไปทางเดียวกันหนีไม่พ้น แล้วท่านก็เหลือบมองเราอยู่เรื่อยๆ”

ผมมีความฝันเสมอว่าจะได้พบและเห็นหน้าดุของท่านขุนพันธ์ฯ สักครั้ง และในที่สุดภารกิจอะไรสักอย่างของตำรวจภูธร ก็ทำให้ได้เห็นท่านที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ ยังจำได้ประทับใจถึงท่ายืนอันมั่นคงขณะบริกรรมคาถาก่อนเดินลงบันไดโรงแรม

ผมดีใจทุกครั้งที่ถึงวาระวันตำรวจหรือวันขึ้นปีใหม่ พรรคพวกผมที่เป็นลูกหลานของท่านส่งภาพถ่าย พล.ต.ต.ขุนพันธ์ฯ มาให้เป็นมงคล

ในส่วนตัวของผมซึ่งมีความเป็นศิลปิน (ผมอาจจะมีอคติบ้างในฐานะเป็นตำรวจด้วย) ผมเห็นว่าลักษณะคุณปราโมทย์ สรุปได้สั้นๆ ตรงไปตรงมา เข้าใจง่ายว่า “แมน” ครับ

ในวัย 57 ปี ความเป็นคนใต้หรืออยู่ภาคใต้มานาน ผิวคล้ำ มีหนวด ที่สำคัญคือผ่านความตรากตรำของการเป็น ตชด. มาอย่างน้อยครึ่งชีวิต ทำให้เขาเป็น “แมน” เต็มตัว

ผมนึกถึงภาพติดสมุดประวัติของผมสมัยเป็น ร.ต.ท. วัย 25 ปี ถ่ายที่ร้านถ่ายรูปข้างกองปราบปรามสามยอด โดยไม่แต่งฟิล์ม ภาพจึงชัดอย่างที่ภาษาตากล้องเรียกว่า “กระด้าง” (ตรงกันข้ามกับคำว่า soft) หน้าตาผมดุกว่าคุณปราโมทย์มาก

หน้าตาอย่างนี้ผมไม่เห็นว่าจะน่าเหยียดหยามตรงไหน

อย่างไรก็ตาม หน้าดุไม่ใช่สาเหตุของการเหยียดหยามครั้งนี้ แล้วอะไรเล่าคือสาเหตุ?

รสนิยมที่แตกต่าง ค่านิยมที่ผิด หรือวัฒนธรรมถดถอย หรือทัศนคติที่ถูกครอบงำด้วยความเกลียดชัง หรือป่วยไข้ หรือเมามันส์กับวาทกรรมสมัยใหม่จนขาดสติ?

ไม่มีการโต้ตอบจากคุณปราโมทย์ มีแต่ข่าว ผกก.จังหวัดตรัง ผู้บังคับบัญชาโดยตรงให้สัมภาษณ์ว่า ร.ต.ท.ปราโมทย์ เป็นอดีตตำรวจตระเวนชายแดน เป็นตำรวจประพฤติดี จิตใจดี พูดจาดีมาก ไม่เคยจับใครเลย ได้แต่ตักเตือนผู้ทำผิดกฎจราจร

ซึ่งถูกต้องแล้ว เพราะรองสารวัตรจราจรที่ดี คือคอยควบคุมดูแลให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีระเบียบวินัย เป็นงานบริการเพื่อความสะดวกปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้ถนน

ต่อมามีภาพข่าวชาวบ้านมอบดอกไม้ให้กำลังใจแก่ ร.ต.ท.ปราโมทย์ เราจึงได้เห็นภาพดีของเขาอีกอย่างคือ เขาใช้เวลาว่างช่วยเหลือครอบครัวขายโรตีสมุนไพร

ถัดมามีข่าวผู้บังคับการจังหวัดตรัง เรียกพบให้กำลังใจ ชมเชยที่ไม่โกรธและอดทน

ล่าสุด ผบ.ตร. ฝากชื่นชม “ผู้หมวดหน้าเข้มน้ำใจงาม” ควรเอาเป็นแบบอย่าง

อันที่จริงภาพและข่าวอันน่าชื่นชมในปฏิบัติการของตำรวจมีเกิดขึ้นเป็นระยะไม่ขาดสาย ตีคู่กันมากับภาพและข่าวอันแสดงถึงความเสื่อมทรามอันควรประณามของตำรวจอีกกลุ่มหนึ่ง เพียงแต่ว่าภาพเชิงบวกไม่แพร่หลายเป็นกระแสเกรียวกราวมากเท่าภาพเชิงลบ…

ภาพข่าวตำรวจจราจรและตำรวจสายตรวจช่วยเหลือผู้หญิงคลอดบุตรแบบฉุกเฉินมีบ่อยจนเป็นภาพปกติธรรมดาไปแล้ว

ที่แปลกตาเอามากๆ ก็คือภาพตำรวจจราจรคุกเข่าลงนั่งยองๆ ใช้ผ้าพันแผลพันข้อเท้าของผู้ขับขี่ จยย.รายหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมทาง มีคำบรรยายว่า “หมอ…ข้างถนน”

ภาพตำรวจนายหนึ่งล้วงท่อระบายน้ำเสียริมถนน

ภาพตำรวจนายหนึ่งถมดิน ทรายและหินปิดหลุมบ่อซ่อมถนนให้รถยนต์แล่นผ่านได้

ภาพตำรวจสายตรวจรถยนต์จอดรถกลางถนนแล้วช่วยเก็บสินค้าที่กระจายเรี่ยราดเพราะเจ้าของประสบอุบัติเหตุได้รับาดบาดเจ็บลุกขึ้นยืนไม่ได้

ภาพชวนน้ำตาคลอ…จราจรนายหนึ่งประคองเด็กน้อยให้ใบหน้าซบไว้กับอก เพื่อไม่ให้แกเห็นภาพความสูญเสียที่น่าสยดสยองและกระทบกระเทือนจิตใจอ่อนเยาว์ได้

ภาพความสูญเสียจากการเสียสละของทหารและตำรวจ

ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

เรื่องหมวดหน้าเข้มน้ำใจงาม จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ผู้ที่โพสต์เหยียดหยามสำนึกผิด ขับรถจากจังหวัดชลบุรีมาขอโทษ ร.ต.ท.ปราโมทย์ถึงจังหวัดตรัง และได้กลับบ้านไปด้วยความสบายใจที่คุณปราโมทย์ให้อภัย… “เหมือนลูกเหมือนหลาน”

ส่วนตัวผมหวนนึกถึงกรณีที่มีผู้รุมกันโพสต์สาปแช่งตำรวจถูกรถชนได้รับบาดเจ็บบนทางด่วนในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเมื่อปีที่แล้ว… “ให้แม่งตายโหงตายห่าไปเสียก็ดี”

และโพสต์เบาลงเมื่อรับแจ้งว่าตำรวจที่บาดเจ็บคือตำรวจคนเดียวกับที่เพิ่งได้รับคำยกย่องในความเสียสละจากคนใช้รถใช้ถนนแถบนั้น

และแล้วหยุดโพสต์สนิทเมื่อมีรายงานเข้ามาว่าเขาตายแล้ว!

มนุษย์เราจะจิตใจหยาบช้าขนาดไหนก็คงรู้สึกผิดที่ขาดสติไปแช่งคนดีที่ควรยกย่อง และคงอยากจะขออภัยตำรวจเช่นกัน เพียงแต่ว่ากรณีนี้หนทางไกลกว่าชลบุรีไปตรัง เห็นทีจะต้องตามไปขออภัยถึงปรโลกโน่นแหละครับ ไม่แน่ใจว่าก่อนตายจะยังมี “สติ” ตามคำพระอริยะแนะนำสั่งสอนอยู่หรือเปล่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image