ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงไม่ยอมถูกจับ ขู่ฆ่าตัวตาย ตำรวจกล่อมนานนับวัน ก่อนได้ยินเสียงปืนดัง 4 นัด

ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงไม่ยอมถูกจับ ขู่ฆ่าตัวตาย ตำรวจเกลี้ยกล่อมนานนับวัน สุดท้ายระดมกำลังปิดล้อมเคลียร์คนออกทั้งคอนโด ก่อนได้ยินเสียงปืนดัง 4 นัด แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหว

เจ้าหน้าที่หน่วยปฎิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมอาวุธครบมือถูกเรียกมาเสริมกำลังที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หลังเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ( 5 มีนาคม) ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 นำหมายจับศาลอาญาพระโขนง เลขที่ จ.77/2564 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 เข้าจับกุมตัวนายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี และหมายจับศาลอาญาพระขโนง ที่ จ.76/ 2564 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อจับกุมนางสาวอาณดา ปิยะรักษ์ อายุ 18 ปี โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน หลังสืบทราบว่าได้หนีมากบดานอยู่ในคอนโดหรูดังกล่าว พร้อมกับลูกชายวัย 3 ขวบและหญิงอีก 1 คน ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของลูก แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัว พร้อมขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย และขังตัวเองอยู่ในห้องพักหมายเลข 310 ชั้น 3 ของคอนโดมิเนียม เจ้าหน้าที่จึงประสานแม่ของผู้ต้องหาให้เดินทางมาเกลี่ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาได้ส่งลูกชายอายุ 3 ขวบ ให้กับแม่แทน

กระทั่งช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังมาจากห้องของผู้ต้องหา 4 นัด จึงได้ประสานหน่วยปฎิบัติการพิเศษเดินทางมาเพื่อตรึงกำลัง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จาก อบจ.เชียงใหม่ นำโดรนมาบินสำรวจเพื่อตรวจจับความร้อนภายในห้องพัก แต่เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหาได้นำตู้มาปิดบังบริเวณหน้าต่างไว้

การนำหมายจับมาจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความกับตำรวจว่า ถูกทั้งสองคนหลอกลวงต้มตุ๋น หลังทั้งสองได้เปิดเว็บไซต์ www.monkeylucky44.com หลอกขายป้ายทะเบียนเลขสวยทั่วประเทศ หลังมีผู้เสียหายติดต่อไปขอซื้อและโอนเงิน ผู้ต้องหาก็จะบล็อกเบอร์ผู้เสียหายจนติดต่อไม่ได้ โดยมีผู้ถูกหลอกโอนเงินไปรวมมูลค่าความเสียหายหลายสิบล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายได้ทยอยเข้าแจ้งความในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศกว่า 20 คดี

Advertisement

กระทั่งตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งขออนุมัติศาลออกหมายจับในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ที่ผู้ออกได้ให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกเงินสดและร่วมกันฟอกเงิน” แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ไหวตัวทัน และพากันหลบหนีมาเช่าคอนโดมิเนียมหรูแห่งนี้เพื่อกบดาน กระทั่งตำรวจสืบทราบ จึงนำหมายจับมาจับกุมตัวแต่ผู้ต้องหาไม่ยอม และข่มขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย

โดยล่าสุดยังไม่ทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และพี่เลี้ยงอีก 1 คน เป็นอย่างไร เนื่องจากภายในห้องปิดไฟเงียบไม่พบความเคลื่อนไหว ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังอยู่รอบพื้นที่ และยังไม่อนุญาตให้ผู้พักอาศัยกลับเข้าห้องพักได้

โดยล่าสุด พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เดินทางมาตรวจสอบด้วยตนเอง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image