ตำรวจยันทำตามยุทธวิธี ไม่ได้ล่าช้า หลังผู้ต้องหาไม่มอบตัว ยิง 2 ภรรยาแล้วปลิดชีพตัวเอง

ผบช.ภาค 5 แถลงแจงตำรวจทำตามยุทธวิธี หลังผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงไม่ยอมมอบตัว ใช้ปืนปลิดชีพตัวเองพร้อมภรรยาสองคนในคอนโดมิเนียมหรู ยันประสานญาติเจรจาแล้ว ขณะที่แม่ไม่ติดใจ

ความคืบหน้า นายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี และ น.ส.อาณดา ปิยะรักษ์ อายุ 18 ปี 2 สามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ในคดีฉ้อโกงประชาชนฯ หลังประกาศขายป้ายทะเบียนเลขสวยผ่านโซเชียลมีเดีย แล้วหลบหนีมากบดานอยู่ที่คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งใน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่นำหมายศาลมาติดตามจับกุมตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้ตำรวจจับกุม และขู่จะฆ่าตัวตายพร้อมกัน โดยมีภรรยาอีกคนที่เป็นแม่ของลูกสาววัย 3 ขวบ และหลบหนีมาด้วยกันนั้น ต่อมาผู้ต้องหาได้เขียนจดหมายลา แล้วยิง 2 ภรรยาตาย หลังจากนั้นยิงตัวตาย

อ่าน ผู้ต้องหาฉ้อโกง เขียน จ.ม.ลา ยิงภรรยาตาย 2 คน ก่อนยิงตัวตายตามหนีผิด คาคอนโดหรู

เวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุม สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผู้กำกับการ สภ.ช้างเผือก พร้อมแม่และน้องชายของนายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี และพระพี่ชายของ น.ส.อาณดา ปิยะรักษ์ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน และ น.ส.วิชุดา เสียมศักดิ์ อายุ 22 ปี ภรรยาของนายสุเมธอีก 1 คน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวตายพร้อมกัน 3 ศพ ภายในห้องพักเลขที่ 310 ของคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังมีการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และมีสื่อโซเชียลมีเดียโจมตีการทำงานของตำรวจว่าล่าช้า ทั้งที่ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังจากห้องพักที่ผู้ต้องหาหลบซ่อนอยู่ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (5 มีนาคม) แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่เข้าไปตรวจสอบ รอจนกระทั่งช่วงเช้าวันนี้ ชุดปฏิบัติการจึงวางแผนนำกำลังบุกเข้าไปภายในห้อง หลังได้ประสานให้แม่ของนายสุเมธเดินทางมาเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่เมื่อเคาะประตูไม่มีเสียงตอบรับ ประกอบการนำโดรนบินขึ้นไปตรวจจับความร้อนในห้องไม่พบมีการเคลื่อนไหวใดๆ

Advertisement

พล.ต.ท.ประจวบยืนยันว่า ตำรวจทำตามยุทธวิธีทุกประการ เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ยอมมอบตัว และขู่จะฆ่าตัวตายตั้งแต่แรกที่ตำรวจนำหมายจับเดินทางไปจับกุมที่คอนโดมิเนียมดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 4 มีนาคม โดยภายในห้องอยู่กันทั้งหมด 4 คนคือ นายสุเมธ น.ส.วิชุดา ภรรยาคนแรก และลูกสาววัย 3 ขวบเศษ และ น.ส.อาณดา พี่เลี้ยงลูก ซึ่งเป็นภรรยาของนายสุเมธอีกคน หลังนายสุเมธไม่ยอมมอบตัว เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อแม่และน้องชายให้มาช่วยเกลี้ยกล่อม

“ก่อนเกิดเหตุนายสุเมธส่งข้อความทางไลน์ไปบอกให้แม่และน้องชายมารับลูกสาวตัวเอง ญาติจึงเดินทางมารับลูกที่คอนโดมิเนียม โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ขึ้นไปด้วย ซึ่งนายสุเมธไม่ได้ให้ญาติเข้าไปภายในห้อง แต่นำลูกสาวพร้อมข้าวของมาส่งให้ที่หน้าประตูเท่านั้น พร้อมถามภรรยาทั้งสองคนว่าจะไปกับแม่และน้องชายหรือไม่ หญิงทั้งสองคนยืนยันว่าไม่ไป ทั้งสามคนจึงปิดประตูห้องทันที ฉะนั้น นายสุเมธจึงไม่ได้จับใครเป็นตัวประกันตามที่บางสื่อนำเสนอ ผู้หญิงทั้ง 2 คนสมัครใจจะอยู่กับนายสุเมธ และเจ้าหน้าที่พยายามติดต่อกับนายสุเมธเพื่อขอให้มาพูดคุยและมอบตัว รวมทั้งขอให้แม่และน้องชายมาเกลี้ยกล่อมอีกครั้งในช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.ของวันที่ 5 มีนาคม แต่ขณะที่แม่และน้องชายขึ้นไปบนห้องพักเพื่อพูดคุยก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด” พล.ต.ท.ประจวบกล่าว

ด้านน้องชายของนายสุเมธกล่าวว่า ระหว่างที่กำลังเคาะเรียกเพื่อบอกว่าแม่และตนเองจะเข้าไปหา แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในห้องก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด โดย 2 นัดแรกดังติดต่อกัน ส่วนนัดที่สามและนัดสี่ดังห่างกันเล็กน้อย รวมทั้งได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ดสั้นๆ แต่อาจจะเป็นเสียงกระจกในห้องแตกเพราะตำรวจบอกว่ากระสุนยิงไปโดนกระจกด้วย ตนจึงรีบเอาหูไปแนบที่ประตูแต่ไม่ได้ยินเสียง แน่ใจว่านายสุเมธทำแน่ เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมารู้จักนิสัยของพี่ชายดีว่าเป็นคนอย่างไร พูดคำไหนคำนั้น และผู้หญิงทั้งสองคนก็เต็มใจ โดยนายสุเมธส่งข้อความมาบอกตนเองว่า ทุกคนตกลงและพร้อมใจจะอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครยอมโดนจับ ขออยู่ในห้องให้นานที่สุด หากตำรวจบุกเข้ามาก็จะฆ่าตัวตายพร้อมกันทั้งหมด

Advertisement

ด้านแม่ของนายสุเมธกล่าวเสริมว่า ไม่ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนายสุเมธส่งข้อความทางไลน์มาลาตนเองแล้ว และขอบคุณที่เลี้ยงมา ตนเองเป็นแม่ที่ดีที่สุด พร้อมฝากให้ช่วยดูแลลูกเพราะเป็นห่วงลูกมาก ลูกชายเป็นคนไม่ค่อยพูด มีใจเด็ดเดี่ยว ส่วนลูกชายประกอบอาชีพอะไรนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะลูกไม่เคยเล่าให้ฟัง

พ.ต.อ.ฐานันดร วิทยาวุฑฒิกุล นักพิสูจน์หลักฐาน สบ.4 พิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการเข้าไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุว่า จากการตรวจสอบสภาพศพ คาดว่าทั้ง 3 เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12-24 ชั่วโมง โดยทั้ง 3 ศพถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ ที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนซีเซ็ท 9 มม. พร้อมแม็กกาซีน 2 แม็กกระสุนจำนวนมาก นอกจากนั้นยังพบซิมการ์ดโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ สมุดบัญชีอีกกว่า 100 รายการ ซึ่งภายในห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ โดยเชื่อว่านายสุเมธจะยิงผู้หญิงทั้งสองคนก่อนที่ยิงตัวเองตายตามเป็นคนสุดท้าย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า น.ส.อาณดา ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงและภรรยาอีกคนของนายสุเมธตั้งท้องนั้น ยังไม่ยืนยัน ต้องรอผลการผ่าชันสูตรจากแพทย์นิติเวชอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image