ระทึก หญิงคลั่งขับเก๋งบรรทุกน้ำมัน บุกจะเผาให้วอดโรงพักเมืองกระบี่ ฉุนคดีไม่คืบหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เปิดเผยว่า ได้มีหญิงสาวขับรถเก๋งราคาเป็นล้าน เข้ามาก่อเหตุเผา สภ.เมืองกระบี่ ได้ทำให้ประชาชนที่มาติดต่อราชการแตกตื่นวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง หญิงคนดังกล่าวได้ขับรถมาจอดที่ด้านหน้า สภ.เมือง บริเวณที่จอดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อเชฟโรเล็ต รุ่นแคปติว่า หมายเลขทะเบียน กง 1160 กระบี่ สภาพจอดนิ่ง มีน้ำมันไหลนองพื้นทั้งภายในรถและพื้นหน้า สภ.ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ   

ตรวจสอบภายในรถ มีแกลลอนขนาด 20 ลิตร จำนวน 5 แกลลอน มีน้ำมันบรรจุทุกแกลลอน และส่วนหนึ่งถูกเททิ้ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการเผาไฟ นอกจากนี้ยังพบไฟแช็ก ตกอยู่ภายในรถ 1 อัน บนพื้นใต้ท้องรถ 1 อัน ส่วนผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยกันควบคุมตัวดำเนินคดี ทราบชื่อนางสาวเสน่ห์จันทร์ หรือตูน จันทร์เกิด อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 134 ม.2 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ในข้อหาพยายามวางเพลิงสถานที่ราชการ

จากการสอบถามนางเสน่ห์จันทร์ หรือตูน ทราบว่า วันนี้ตั้งใจมาฟังความคืบหน้าเรื่องของคดีที่ได้แจ้งความไว้ และพร้อมกับได้ซื้อน้ำมันบรรทุกใส่รถมาด้วย เพื่อเตรียมมาวางเพลิงเผาโรงพัก หากว่าคำตอบยังไม่มีความคืบหน้า และหลังจากที่สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็เป็นไปตามคาด ได้รับคำตอบไม่เป็นที่พอใจ จึงได้ไปเปิดน้ำมันที่ซื้อเตรียมไว้ในรถราดนองพื้น เพื่อหวังเผาทั้งรถและโรงพักไปพร้อมกัน แต่ถูกเจ้าหน้าที่มาจับตัวไว้ทันเสียก่อน ที่ผ่านมาตนได้แจ้งความไว้นานแล้วแต่คดีก็ยังไม่คืบ โรงพักแห่งนี้จึงไม่ควรมีต่อไป     

พ.ต.อ.บุญทวี กล่าวอีกว่า สำหรับนางสาวเสน่ห์จันทร์ หรือตูน ผู้ต้องหาที่เข้ามาก่อเหตุพยายามเผา สภ. ก่อนหน้านี้เคยเข้ามาก่อเหตุราดน้ำมันหวังจุดไฟเผาตัวเอง เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยไว้ทัน เพื่อเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมนายสมมุ่ง ทิพย์มงคล คู่กรณี เนื่องจากนายสมมุ่ง เข้าไปขุดดินในพื้นที่ใกล้เคียงจนทำให้ที่ดินของนางสาวเสน่ห์จันทร์ หรือตูน ได้รับความเสียหาย ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่

ส่วนการก่อเหตุอุกอาจในครั้งนี้ แรงจูงใจอาจจะเกิดจากความที่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุมคู่กรณีดำเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งในทางกฎหมายต้องมีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนจึงจะดำเนินคดีได้ ไม่ใช่ว่ามีการแจ้งความแล้วจะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมเลยต้องทำตามกฎหมายด้วย และเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจากความเครียดก็เป็นไปได้ ซึ่งจะเร่งติดตามคดีให้โดยเร็วอีกทางหนึ่ง

201602041842031-20030212115326

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image