ศาลนัดฟังคำสั่ง ‘ปม’ จ.ม.อานนท์ 29 มี.ค. รองอธิบดีคุกยันปกติเคยตรวจถึงกลางคืน

ศาลนัดฟังคำสั่งจดหมาย ”อานนท์” หวั่นไม่ปลอดภัย 29 มี.ค.บ่ายนี้ รองอธ.ราชทัณฑ์ยันที่ผ่านมาเคยมีเคสตรวจถึงกลางคืนเป็นการปฏิบัติโดยปกติ

จากกรณีศาลนัดไต่สวนคำร้อง คดีดำหมายเลขที่ อ.287/64 ครั้งที่ 2 กรณีนายอานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ที่เขียนจดหมายคำร้องเล่าเหตุการณ์เกรงจะได้รับอันตรายถูกทำร้ายในเรือนจำ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม

อ่าน ไผ่-ไมค์ เผยคืนแรกในพิเศษกรุงเทพ กลัวมาก จนท.บุกเรือนนอน4รอบจะนำตัวไปข้างนอกให้ได้

ต่อมาใน ช่วงบ่ายศาลได้เบิกตัวนายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ในฐานะผู้ควบคุมดูเเลเหตุการณ์ตามหนังสือคำสั่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาไต่สวน ได้เบิกความสรุปว่า ได้รับแจ้งด้วยวาจาว่าจะมีผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษธนบุรี มาคุมขังไว้อย่างเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯตนในฐานะผู้ควบคุมดูแลจึงได้แจ้งกำชับว่าเรือนจำพิเศษธนบุรีอยู่ใกล้กับตลาดบางแค ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงเพราะเรือนจำพิเศษธนบุรีมีพื้นที่อยู่ใกล้เคียงกับตลาดบางแค และมีการรับตัวผู้ต้องขังใหม่ในพื้นที่ตลาดบางแคเข้ามาทุกวัน ผู้ต้องขังที่ย้ายมาจากเรือนจำดังกล่าวจึงเข้าข่ายที่จะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่จะต้องแยกกักขังตรวจโรคในสถานพยาบาลชั้น 2 โดยกลุ่มเสี่ยงจะแบ่งแยกออกเป็นสองประเภทคือ 1.กลุ่มที่มีไข้ 2.กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงและใกล้เคียง โดยตนได้สั่งการไปยังผู้อำนวยการส่วนสวัสดิการฯโดยกำชับว่าอย่าลืมจัดพื้นที่ตามนโยบายกักกันโควิด

Advertisement

จากนั้นจึงได้รับทราบจากผู้อำนวยการส่วนอีกท่านหนึ่งว่า การเจรจา ที่จะให้ผู้ต้องขังที่ย้ายมาใหม่ทั้ง 3 ย้ายไปกับตรวจโรคในสถานพยาบาลนั้นได้รับการปฏิเสธ โดยผู้ต้องขังยืนกรานไม่ย้าย ทางผู้อำนวยการส่วนผู้ต้องขังยังได้แสดงความห่วงใยเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่หากมีการใช้เจ้าหน้าที่ควบคุมอาจจะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวและเป็นประเด็นที่เจ้าหน้าที่อาจจะถูกร้องเรียน จึงได้มีการใช้วิธีทางการแพทย์เพื่อเป็นไปตามแนวทางป้องกันโควิดโดยจัดชุดทีมแพทย์ตรวจสารคัดหลังไปยังที่คุมขังตอนช่วงเวลาใกล้ 22.00 น. ซึ่งเป็นการปฎิบัติงานตามปกติในการตรวจโควิด โดยก่อนหน้านี้เคยมีการดำเนินการตรวจโควิดในเรือนจำลักษณะนี้มาแล้วอย่างเช่นในครั้งที่มีการตรวจผู้ต้องขังจำนวน 27 ราย ซึ่ง 1 ใน 27 รายนั้นมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย 1 ราย ในการตรวจโควิดดังกล่าวมีการตรวจถึงเวลา 01.30 น. แต่ในการตรวจครั้งนี้มีผู้ยอมรับการตราจโควิด 9 ราย เเละได้รับการปฏิเสธไม่รับการตรวจจากผู้ต้องขัง 7 ราย เมื่อเจรจาไม่สำเร็จ ชุดทีมแพทย์จึงออกจากพื้นที่เวลาประมาณ 24.00 น. เศษ และมีความจำเป็นที่จะต้องย้ายผู้ต้องขังเก้าคนที่ยอมตรวจออกไปกับตัวยังห้องควบคุมอื่น จึงมีการเรียกกำลังมาเพื่อรักษาความปลอดภัยและความเรียบร้อย โดยมีการเรียกเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ตามบันทึกรายงานที่เเจ้งมายังตนจำนวน 12 คน แต่งชุดเครื่องแบบสีกากีและชุดปฏิบัติการพิเศษซึ่งเป็นเสื้อแขนยาวสีดำในเครื่องแบบซึ่งตามระเบียบไม่ได้กำหนดให้ใส่ชื่อที่อก โดยเหตุผลที่ไม่ติดชื่อเป็นไปตามทัณฑวิทยา ยกเว้นหัวหน้าชุดที่ต้องติดป้ายชื่อ การย้ายผู้ต้องขังทั้ง 9 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เเต่มีผู้ต้องขัง 7 คน ที่ยืนกรานว่าจะอยู่ด้วยกัน เพื่อความสงบเรียบร้อยจึงให้มีการยุติการปฎิบัติหน้าที่และมีการกำชับห้ามไม่ให้ใช้กำลังจนเสร็จสิ้นภารกิจเวลาประมาณ 02.00 น. เศษ จึงมีการถอนกำลังออกไป

นายแพทย์วีระกิตติ์เบิกความต่อว่า การตรวจโควิดดังกล่าวเป็นโดยเปิดเผยที่หน้าห้องกักโรคมีลูกกรงผู้ต้องขังคนอื่นสามารถเห็นการทำงานได้ มิได้เป็นการพาไปตรวจยังสถานที่อื่นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้ต้องขังปฏิเสธการตรวจโควิด โดยการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้มีการถ่ายวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานว่าไม่มีการใช้ความรุนแรง ซึ่งยืนยันว่าการตรวจโควิดในช่วงเวลากลางคืนเป็นเรื่องที่ทำได้และทำอยู่เสมอโดยเฉพาะผู้ต้องขังที่มาจากพื้นที่ความเสี่ยงสูงเพราะเท่าที่ผ่านมาพบว่าผู้ต้องขังส่วนมากไม่แสดงอาการ 90% การคัดกรองโรคก่อนเข้าเรือนจำจึงมีความจำเป็นมาก จนปัจจุบันในพื้นที่เรือนจำยังไม่มีการแพร่เชื้อระบาดกันเองแม้แต่รายเดียวเพราะเรามีมาตรการคัดกรองโรคดังกล่าว

โดยภายหลังรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้เบิกความเสร็จสิ้น ศาลได้เปิดคลิปวิดีโอซึ่งถูกส่งมาเป็นวัตถุพยานต่อหน้านายอานนท์ และผู้ได้รับอนุญาตเข้ารับฟังการพิจารณาคดี ซึ่งในคลิปวีดีโอมีการถ่ายทอดภาพและเสียงในห้องควบคุมในเรือนจำซึ่งเห็นกลุ่มจำเลยดังกล่าว

Advertisement

ภายหลังเสร็จสิ้นการไต่สวนศาลนัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 29 มีนาคม ช่วงบ่าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image