จับ 2 บิ๊กล็อตเครือข่ายว้าใต้ส่งลงใต้ รวบ10 ผู้ต้องหา พร้อมยาบ้า 1.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 6 กก. ค่า 600 ล้าน

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ 2 คดีผู้ต้องหา10 คน พร้อมของกลางยาบ้ารวมประมาณ 1,752,079 เม็ด ไอซ์ 5.963 กิโลกรัม รถยนต์ 3 คัน รถกระบะ 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อซีแซด จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด โทรศัพท์มือถือ 15 เครื่อง

คดีแรก พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พร้อม พ.ต.อ.วีระชน บุณทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหาร ศรภ. ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.เรืองอุไร บุญทอง อายุ 26 ปี ชาว จ.นครปฐม นายพิมาย ชมพูนิช อายุ 25 ปี ชาว จ.นครปฐม นายมนพ พลนุ้ย อายุ 45 ปี ชาว จ.พัทลุง และ น.ส.ทองใบ แซ่ลิ้ม อายุ 37 ปี ชาว จ.พัทลุงพร้อมของกลางยาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 125 มัด ประมาณ 250,000 เม็ด รถยนต์และรถกระบะรวม 3 คัน โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง

พล.ต.ต.พรชัยกล่าวว่า การสืบสวนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดตามหมายจับค้างเก่านั้น เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า น.ส.เรืองอุไร บุญทอง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ จ 67/2557 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ข้อหาคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในพื้นที่ จ.นครปฐม และมีพฤติการณ์เป็นกลุ่มลำเลียงยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามพฤติการณ์มาโดยตลอดจนกระทั่งเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม น.ส.เรืองอุไรได้ขับรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีดำ ทะเบียน ฏธ 1114 กรุงเทพมหานคร ขับออกมาจากโรงแรมไม่มีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมีนายพิมาย ชมพูนิช ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน กพ 3025 นครปฐม ลักษณะคอยสังเกตการณ์ขับนำหน้ามุ่งหน้ามาตามถนนเพชรเกษม( ขาล่องใต้) ทิศทาง จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดแล้ว เมื่อรถทั้งสองขับมาถึงด่านตรวจยาเสพติด ท่าแซะ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของตรวจค้นเก๋งโตโยต้า อัลติส พบยาบ้า 125 มัด ประมาณ 250,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถเ จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน ระหว่างที่กำลังสอบสวนได้มีนายมนพ และน.ส.ทองใบ ติดต่อมาขอรับยาบ้า 33 มัด ประมาณ 66,000 เม็ด โดยมีการนัดหมายรับยาบ้ากันบริเวณลาดจอดพักรถ ริมถนนสายสุราษฏร์ธานี-อ.ทุ่งสง ฝั่งตรงข้ามแขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 2 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์จนสามารถจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา

จากการสอบสวน น.ส.เรืองอุไร รับสารภาพว่ารับยาบ้ามาจาก อ.ชะอำ เพื่อจำนำลงไปจำหน่ายต่อในพื้นที่ภาคใต้ อีกทั้งยังให้การว่ายังจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกำลังจะเดินทางมารับยาบ้าล็อตใหญ่จาก อ.ชะอำ ลงไปจำหน่ายยังภาคใต้อีกด้วย เจ้าหน้าที่จึงเร่งหาข่าวเพื่อติดตามจับกุมต่อ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งขอหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีน ) ไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ADVERTISMENT

ก.2

คดีที่ 2 พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ ผบก.ปส.3 พร้อม พ.ต.อ.วีระชน บุณทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ณัทณพงศ์ หลิ่มวิรัตน์ ผกก.1 บก.ปส.3 พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผกก.2 บก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ทหาร ศรภ. ร่วมกันจับกุมตัวนางบุณิกา สีสดใส อายุ 61 ปี ชาว จ.สงขลา นายบุญส่ง เกตแก้ว อายุ 61 ปี ชาว จ.สงขลา นายธีรยุทธ แก้วเกตุ อายุ 32 ปี ชาว จ.สงขลา นายเทพพิทักษ์ รักษาผล อายุ 32 ปี ชาว จ.สงขลา นายภาคิไนย สุชลพานิช อายุ 28 ปี ชาว จ.สงขลา และนายพัสพิชัย เพ็ชรขวัญ อายุ 21 ปี ชาว จ.สงขลา พร้อมของกลางยาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า ) จำนวน 750 มัด ประมาณ 1,500,000 เม็ด ยาเสพติดประเภท 1 ( ไอซ์ ) จำนวน 5.963 กิโลกรัม อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อซีแซด จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 5 นัด โทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง รถเก๋ง และรถกระบะรวม 4 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน

พล.ต.ต.พรชัยกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการขยายผลการจับกุมในคดีแรก พบว่ากลุ่มลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวจะมีการมารับยาบ้าที่โรงแรมเบดเบอรี่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงได้นำกำลังเข้าซุ่มสังเกตการณ์ จนกระทั้งเวลาประมาณ 21.00 น. พบนางบุณิกา และนายบุญส่ง สองสามีภรรยา ช่วยกันยกถุงพลาสติกสีดำขึ้นรถรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน บต 1050 สงขลา หลังจากนั้นทั้ง 2 คนได้ขับมาตามเส้นทางถนนเพชรเกษม (ล่องใต้) มีนางบุณิกาเป็นคนขับ ระหว่างทางได้มีรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีดำ ทะเบียน กม842 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายธีรยุทธขับนำรถกระบะเจ้าหน้าที่เชื่อว่าพฤติการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นการลำเลียงยาเสพติด จึงออกติดตามจนมาถึงด่านตรวจยาเสพติดชุมพร จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบยาบ้าและยาไอซ์ของกลางอยู่ในรถกระบะ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผลอยู่นั้นได้มีนายเทพพิทักษ์ นายภาคิไนย และนายพัสพิชัย ติดต่อเข้ามาหานางบุณิกา เพื่อขอรับยาบ้าจำนวน 30 มัด ประมาณ 60,000 เม็ด โดยมีการนัดหมายกันที่โรงแรมเลควิว เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังไว้ก่อนพบผู้ต้องหามารับยาบ้าตามที่นัดหมายเจ้าหน้าที่จึงทำการเข้าจับกุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจค้นตัวนายเทพพิทักษ์ พบอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนและไอซ์ จำนวน 936 กรัม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมดมาสอบสวนต่อที่ บช.ปส.3

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า,ไอซ์ )ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต กับ นางบุณิกา และนายบุญส่ง ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนายธีรยุทธ นายภาคิไนย และนายพัสพิชัย ส่วนนายเทพพิทักษ์ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( ยาบ้า,ไอซ์ )ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ หมู่บ้าน ชุมชนโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.3 ดำเนิคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นรายใหญ่อีกราย ซึ่งจะเห็นไว้ว่ามีการรับยาเสพติดจากอำเภอชะอำ ก่อนลำเลียงลงภาคใต้ จากการสอบสวนตำรวจทราบว่าทั้ง 2 คดีมีความเชื่อมโยงกันโดยยาทั้งหมดมาจากเครือข่ายยาเสพติดของกลุ่มว้าใต้ ก่อนจะลำเลียงโดยกลุ่มนี้ซึ่งอยู่ในเครือข่ายบังหรือบ่าว สงขลา โดยในเครือข่ายนี้จะให้ผู้หญิงเป็นผู้ขับรถขนยาเสพติดเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจของทางเจ้าหน้าที่ อีกทั้งในส่วนของคดีที่ 2 มีการทำเป็นครอบครัว สามีภรรยา และลูก หลังจากนี้จะใช้มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดการสนับสนุนเครือข่าย โดยจากการตรวจสอบทั้ง 2 คดีนี้มีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรวมกว่า 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้หลุดไปยังภาคใต้จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท

ก.1