วันที่ 1 กันยายน 2559 ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครศรีธรรมราชจับกุมทีมฆ่ายุติธรรมจังหวัดพังงานำชี้จุดทิ้งศพพบทารุณกรรมก่อนยัดถัง 200 ลิตร แล้วโบกปูนทับทิ้งคลอง สารภาพแค้นแทนเพื่อนถูกตีท้ายครัว นั้น
ล่าสุด เช้าวันที่ 1 กันยายน 2559 พันตํารวจเอก ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติพร้อมข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ของกรมคุมประพฤติได้เดินทางเข้าพบกับ พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามการคลี่คลายคดีคนร้ายก่อเหตุสังหารนายฉวี อินทระ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติและยุติธรรมจังหวัดพังงา พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ร่วมกันคลี่คลายคดีจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ หลังจากนั้นได้เดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัวของนายฉวี พร้อมให้การช่วยเหลือตามระเบียบราชการต่อไป ส่วนศพนายฉวีได้ถูกส่งไปยังศูนย์นิติเวช สุราษฎร์ธานี เพื่อผ่าพิสูจน์สาเหตุการตายอย่างชัดเจนอีกครั้ง โดยหลังจากชันสูตรอย่างละเอียดแล้วนั้นจะได้ส่งศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในตำบลท่าซัก อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
พล.ต.ต.วันไชย กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนในคดีนี้คืบหน้าไปมาก พยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมได้ในขณะนี้ เชื่อว่าจะสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้หมดทุกคน แม้บางส่วนจะยังหลบหนีอยู่ โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.จะเดินทางมาแถลงข่าวเกี่ยวกับรายละเอียดการคลี่คลายคดีทั้งหมดต่อสื่อมวลชน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนจะเผยชื่อผู้ร่วมกระทำความผิดได้หรือไม่ว่า รอให้เป็นช่วงบ่ายภายหลังการแถลงข่าวจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ไม่อยากเปิดเผยชื่อในเวลานี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี มั่นใจว่าขณะนี้ ตร.เดินมาถูกทาง อดทนอีกนิดอย่างเป็นทางการจะดีกว่า โดยพยานหลักฐานชิ้นสำคัญที่ตรวจสอบพบ จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ คือภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตั้งอยู่ริมถนนหน้า สภ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สามารถบันทึกภาพของนายฉวี อินทระ ยุติธรรมจังหวัดพังงา ที่ขับรถกระบะไปจอดริมถนน ใกล้ศาลาริมน้ำ ติดกับแม่น้ำเชียรใหญ่ จากนั้นนายฉวีที่แต่งกายแบบสบายๆ สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขานุ่งกางเกงขาสั้น ก้าวเดินลงจากรถเพื่อเจอกับหญิงสาวตามภาพ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ขณะที่เมื่อเวลา 11.30 น. ศาลจังหวัดปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุฆ่านายฉวี จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายอดิศักดิ์ หรือ หมู ทองสมจา อายุ 40ปี ซึ่งเป็น หน.ทีมฆ่าโหดซึ่งมีประวัติเป็น หน.แก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่อีกด้วย, คนที่ 2 นายวีระเดช หรือ สาม แปะดำ อายุ 22 ปี , คนที่ 3 นายสิทธิพงศ์ หรือ ตี๋ บุปผาคร อายุ 22ปี, คนที่ 4 นายชัยชนะ หรือ ดุก เกิดมุสิก อายุ 22 ปี ,และคนที่ 5.นายสุวัฒน์ หรือ ปาม มารวัฒน์ อายุ 22ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ออกหมายจับมาได้ 3 คน ประกอบด้วย นายวีระเดช, นายสิทธิพงษ์ และนายชัยชนะ ส่วนที่เหลืออีก 2 คน นายอดิศักดิ์ หน.แก๊งฆ่าโหด และนายสุวัฒน์ หลบหนีไปพร้อมกับรถยนต์กระบะของนายฉวี ทาง จนท.ตร คาดว่านายอดิศักดิ์ จะนำรถยนต์คันดังกล่าวไปไปขายแล้ว และหลบหนีไปพร้อม น.ส.ณัฐนันท์ หรือ เรย์ แฟนสาว ซึ่งทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีทั้งจากกองปราบปรามและ ตร.กก.สส.ภาค8 กำลังเร่งติดตามตัวนายอดิศักดิ์หรือหมูมาดำเนินคดี
ล่าสุดทางตำรวจกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก. 5ป.บก.ป. ได้นำกำลังลังตำรวจกองปราบปรามเดินทางไปตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุเลขที่ 34 หมู่ 2 ต.ท่าขนาน อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้สืบทราบว่าบ้านที่เกิดเหตุหลังดังกล่าวเป็นแหล่งค้ายาเสพติดและมั่วสุมยาเสพติด คาดว่าจะพบหลักฐานเพิ่มเติมในการมัดตัวคนร้ายต่อไป
ส่วนการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนว่า สาเหตุเกิดจากนายอดิศักดิ์ โกรธที่น.ส.ณัฐนันท์ คุยแชททางเฟซบุ๊กกับนายฉวี จึงวางแผนให้น.ส.ณัฐนันท์ โทรศัพท์ล่อลวงให้นายฉวีมาพบที่บ้านพักหลังดังกล่าว โดยนายอิดศักดิ์ ได้ชักชวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้มาร่วมเสพยาเสพติดย้อมใจก่อนที่นายฉวีจะเดินทางมาถึง
จนกระทั่งนายฉวี เดินทางมามาถึงบ้านที่เกิดเหตุ นายอดิศักดิ์ ก็ได้ใช้ให้เพื่อนจับนายฉวีใส่กุญแจมือและใช้เชือกมัดมือมัดเท้า พาไปรุมซ้อมบริเวณห้องของบ้านชั้นล่าง พร้อมใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดออกมาจี้หัวบังคับให้เพื่อนใช้ท่อนไม้ทุบตีนายฉวีที่ศีรษะและลำตัวจนนายฉวีสลบ ต่อมานายอดิศักดิ์ ซึ่งอยู่ในอาการเมายาได้ลงมือทุบตีนายฉวีแบบไม่ยั้งอีกครั้งจนนายฉวีเสียชีวิต จากนั้นจึงช่วยกันยกศพใส่ลงไปในถังน้ำมันขนาด200 ลิตร ราดทับด้วยปูนซิเมนต์ แล้วพาไปโยนทิ้งคลองบางจาก ท้องที่ หมู่ 13 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นจึงแยกย้ายกันหลบหนี จนกระทั่ง จนท.ตร.สามารถจับกุมขยายผลได้ 3 คน หลบหนีอีก 2 คน รวมทั้ง น.ส.ณัฐนันท์