“ป.ป.ช.” รวมกำลัง “สตช.” พัฒนางานสอบสวน-ไต่สวน เพิ่มประสิทธิภาพ-ยกระดับปราบทุจริต

“ป.ป.ช.” รวมกำลัง “สตช.” พัฒนางานสอบสวน-ไต่สวน เพิ่มประสิทธิภาพ-ยกระดับปราบทุจริต

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดการประชุมประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 (พ.ร.บ.ป.ป.ช.)โดย พล.ต.อวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้บริหารของสำนักงาน ป.ป.ช. และสตช. ได้ดำเนินการหารือร่วมกันเกี่ยวกับการประสานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนบรรลุวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมาย

โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อหารือถึงความร่วมมือของสองหน่วยงาน อาทิ เรื่องการดำเนินการตามหมายจับ เรื่องการส่งสำนวนให้กับพนักงานสอบสวน ระบบข้อมูลสารสนเทศ การเชื่อมโยงข้อมูลกันระหว่าง ป.ป.ช. กับ สตช. การร่วมมือกันในการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับตามที่ ป.ป.ช.ขอให้ตำรวจออกหมายจับให้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเรื่องที่ ป.ป.ช.ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อตามกฎหมายเขาจะต้องส่งกลับมาให้ ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช.ดูว่าการทำงานต่างๆ เป็นไปตามความเหมาะสมหรือไม่ และต้องมาลงในรายละเอียดกันว่า ป.ป.ช.มอบพนักงานสอบสวนไปแล้วในส่วนของจังหวัดใด อำเภอไหน ภาคไหน หรือ สถานีตำรวจภูธรไหน จะต้องมีระบบในการติดตามกรณีกล่าวหาต่างๆ นอกจากนี้ ยังหารือกันถึงเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรรม ทั้งนี้ จะต้องมีการสร้างระบบการเชื่อมโยงข้อมูลภายในของทั้งสองหน่วยงาน เหมือนกับที่ในปัจจุบัน ป.ป.ช.เชื่อมโยงข้อมูลกับอัยการ ศาล วันนี้ต้องมาเพิ่มความเชื่อมโยงข้อมูลกับตำรวจเพื่อให้ครบวงจรของการส่งเรื่องไปให้ตำรวจ หรือตำรวจส่งกลับมา ป.ป.ช. หรือตำรวจส่งฟ้องไปยังอัยการ หรืออัยการส่งฟ้องไปยังศาล ซึ่งหากครบวงจรแล้วจะสามารถติดตามข้อมูลการทุจริตได้อย่างเป็นระบบ สามารถนำข้อมูลต่างๆ มาประมวลได้ เช่น เรื่องที่ ป.ป.ช.ไต่สวนเสร็จแล้ว หรือพนักงานสอบสวนสอบสวนเสร็จแล้วได้ส่งฟ้องและสั่งฟ้องกี่เรื่อง หรืออัยการสั่งฟ้องและไม่สั่งฟ้องกี่เรื่อง ศาลตัดสินและยกฟ้องกี่เรื่อง จะได้มีข้อมูลทั้งระบบ

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ทาง ผบ.ตร.เสนอแนะต่อ ป.ป.ช.ว่าจะร่วมฝึกอบรมในเรื่องการสอบสวน เพิ่มเติมประสิทธิภาพและเทคนิคของพนักงาน เช่น การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ไปฝึกอบรมการสอบสวน หรือทาง ป.ป.ช.ให้พนักงานสอบสวนมาร่วมฝึกเรื่องการไต่สวนในคดีทุจริต เพื่อจะได้รู้ว่าเรื่องคดีทุจริตนั้น การไต่สวนจะต้องไต่สวนใคร อย่างไร เป็นการเพิ่มองค์ความรู้ รวมไปถึงเรื่องระเบียบพัสดุ จัดซื้อจัดจ้าง ระเบียบวิธีปฏิบัติ กฎหมายปราบทุจริต ซึ่งทาง ป.ป.ช.สามารถถ่ายทอดความรู้เหล่านี้ให้ได้ ส่วนเรื่องการสอบสวน พนักงานสอบสวนจะได้อบรมการสอบสวนให้แก่พนักงาน ป.ป.ช. เป็นการแลกเปลี่ยนกันในเชิงเทคนิค เพื่อพัฒนาบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน

Advertisement

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เห็นชอบในการประสานความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน จึงได้ให้ประสานความร่วมมือไปยัง สตช. ซึ่งทาง สตช.ยินดีที่จะให้ความอนุเคราะห์ตามที่ ป.ป.ช.เสนอ เป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานในการเชื่อมโยงการทำงาน เช่น การควบคุมตัว การฝากขัง และจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการประสานงานความร่วมมือระหว่าง ป.ป.ช.กับ สตช. ในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image