ผบ.ตร. สั่งปราบพนันฟุตบอลออนไลน์ การลักลอบเข้าเมือง และแหล่งมั่วสุมเสี่ยงแพร่โควิด
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการสั่งการและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดในการตรวจสอบ ป้องกันการลักลอบเล่นพนันฟุตบอล ทั้งการลักลอบเปิดโต๊ะพนันในพื้นที่ต่างๆ และพนันทางออนไลน์ ซึ่งมีการแพร่หลายในปัจจุบัน
อีกทั้งสั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและสืบสวนจับกุมบุคคลที่ลักลอบเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร เพื่อลักลอบเล่นการพนันตามแนวชายแดนที่เป็นสาเหตุเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 หากพบการกระทำความผิด ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับสั่งการให้ ภ.1-9, บช.น., บช.ก., สตม., ตชด. และทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้อง มีมาตรการเฝ้าระวัง สืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนัน และบ่อนการพนัน ทุกรูปแบบทุกช่องทางอย่างเคร่งครัด การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อลักลอบเล่นการพนันตามแนวชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน หรือทำงาน หรือใช้บริการสถานบริการของประเทศเพื่อนบ้านที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อสนองนโยบายดังกล่าวให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม
อีกทั้ง ผบ.ตร.ได้มีวิทยุสั่งการกำชับทุกหน่วยให้ทุกหน่วยประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติออกตรวจสอบสถานประกอบการ แหล่งมั่วสุมที่สุ่มเสี่ยง และการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดมาตรการควบคุมโควิด-19 ตามคำสั่ง ประกาศของจังหวัดในทุกพื้นที่ พร้อมกำชับข้าราชการตำรวจทุกนายไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องการกระทำผิดการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ความผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ การเป็นผู้เล่น มีส่วนได้ส่วนเสียหรือเรียกรับผลประโยชน์ หากพบการฝ่าฝืนจะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ขอให้ผู้บังคับบัญชาคอยสอดส่องผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชนควรหลีกเลี่ยงการพนันทุกชนิดทุกช่องทาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการสอดส่องการกระทำความผิดทั้งการพนันและการกระทำความผิดอื่นๆ หากพบเห็นหรือมีข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งไปยังสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
