กองปราบบุกจับสองอดีตพนักงานบริษัทสัญญาณมือถือยักษ์ใหญ่ ขโมยบัตรเติมเงิน เสียหาย 200 ล้าน

กองปราบบุกจับสองอดีตพนักงานบริษัทสัญญาณมือถือยักษ์ใหญ่ ขโมยบัตรเติมเงินจากคลังสินค้าออกมาขายเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 24 มิถุนายน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 และ กก.2 บก.ป. พร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 2 จุด ในพื้นที่ กทม. และ จ.สระบุรี เพื่อจับกุมนายนเรศ จํานงค์ อายุ 43 ปี และ น.ส.พัชรลักษณ์ แหวนวงค์ อายุ 46 ปี สองอดีตพนักงานบริษัทเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา ลักทรัพย์นายจ้าง และฟอกเงิน หลังร่วมกันก่อเหตุขโมยบัตรเติมเงินโทรศัพท์จากคลังสินค้าบริษัทออกมาจำหน่าย จนทำให้บริษัทได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท

โดยพื้นที่เป้าหมายจุดแรกที่เข้าทำการตรวจค้นเป็นบ้านเลขที่ 419/133 หมู่บ้าน hill hut ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี บ้านพักของนายนเรศ พบเป็นบ้านขนาดสองชั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร มีรั้วรอบขอบชิด เมื่อไปถึงพบ นายนเรศ และภรรยา กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นจับกุม ก่อนตรวจยึดทรัพย์สินต่างๆ ภายในบ้านที่ได้มาจากการกระทำผิด ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น glc250 หมายเลขทะเบียน ศน 9559 กรุงเทพมหานคร 1 คัน รุ่น c200 หมายเลขทะเบียน ศอ2662 กรุงเทพมหานคร 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน สร้อยแหวนเงินทอง นาฬิกาหรู สมุดบัญชีธนาคารและกระเป๋าแบรนด์เนมอีกนับร้อยรายการ มูลค่ารวมกว่าสิบล้านบาท

Advertisement

ขณะเดียวกันยังแบ่งกำลังอีกส่วนหนึ่งเข้าจับกุม น.ส.พัชรลักษณ์ ผู้ต้องหาอีกราย ได้ภายในคอนโดแห่งหนึ่งในพื้นย่านบางนา พร้อมกับขยายผลตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า รุ่น ซีเอ็กซ์5 จำนวน 1 คัน เงินสดจำนวน 5 แสนบาท รวมถึงทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ที่ได้จากการกระทำผิดอีกหลายรายการรวมมูลค่าหลายล้านบาท

ด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อกลางปี 2563 ได้มีบริษัทเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์รายใหญ่แห่งหนึ่งร้องทุกข์กับทางกองปราบปรามให้ช่วยตรวจสอบหลังบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ ใบละ 60 บาท และใบละ 100 บาท จํานวน 3,120,000 ใบ มูลค่ากว่า 240 ล้านบาท สูญหายไปจากคลังสินค้า จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งทราบว่า นายนเรศ พนักงานตำแหน่ง Supervisor, Supply Chain Production หรือผู้ที่มีหน้าที่สั่งผลิตบัตรเติมเงิน และเปิดใช้งานบัตรเติมเงินของบริษัท กับ น.ส.พัชรลักษณ์ พนักงานตําแหน่ง Senior Officer, E-Refill Operation Team หรือผู้มีหน้าที่ทําการเรียกสินค้าจากบริษัท ผู้ผลิตบัตรเติมเงินของบริษัท สองพนักงานเก่าแก่ที่ทำงานมานานร่วม 20 ปี เป็นผู้ขโมยบัตรเติมเงินดังกล่าวออกมาจากคลังเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับร้านค้าปลีกหลายพื้นที่ในราคาต่ำกว่าตัวแทนจำหน่าย โดยทำมาตั้งแต่ปี 2561 ได้เงินมากว่า 146 ล้านบาท กระทั่งต้นปี 2563 ทั้งสองได้อาศัยจังหวะที่ทางบริษัทปรับเปลี่ยนโครงสร้างพนักงาน ชิงลาออกจากงานไปก่อนที่ทางบริษัทจะตรวจพบความผิดปกติ

พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวต่อว่า ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาทั้งสองได้นำเงินมาแบ่งกัน โดยนายนเรศได้เงินไปจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ส่วน น.ส.พัชรลักษณ์ ได้เงินไปกว่า 46 ล้านบาท จากนั้นจึงนำเงินที่ได้ไปแปรสภาพเป็นทรัพย์สินอย่างอื่น เช่น ซื้อกองทุนรวม, กรมธรรม์ประกันชีวิต, บ้าน,ที่ดิน, ทองคำ, นาฬิกา, รถยนต์หรู, กระเป๋าแบรนด์เนม ทางเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ขออำนาจศาลออกหมายจับ จนนำมาสู่การติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายพร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดหลายรายการดังกล่าวมูลค่ากว่า10 ล้านบาท ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองราย ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้จะถูกนำไปลงทุนกองทุนรวมและซื้อประกันภัย มูลค่ารวมกว่า 66 ล้านบาท เพื่อต่อยอดรายได้ในอนาคต รวมถึงนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแบบฟุ่มเฟือย

Advertisement

เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับขยายผลสืบหาความเชื่อมโยงไปถึงผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ บุคคลใกล้ชิด คนในครอบครัว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆ เพื่อติดตามยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดมาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image