แพทย์มงกุฏวัฒนะยัน กู้ชีพ”จพง.ที่ดินผูกคอตาย” ตามขั้นตอน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 กันยายน ที่ห้องประชุม ศปก.สน.ทุ่งสองห้อง นพ.สมโภช จิตรเกษมสุข รังสีแพทย์ประจำโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ พร้อมนายไพศาล ชารีแก้ว ที่ปรึกษากฏหมายโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เดินทางมาให้ปากคำกับ พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องและอัยการ ร่วมสอบปากคำกรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินอ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ผูกคอตายห้องขังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แล้วส่งต่อไปช่วยชีวิตที่โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ

นพ.สมโภช กล่าวว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการรักษานายธวัชชัย อนุกูล ซึ่งเป็นเพียงคนรับช่วงต่อจากทีมแพทย์ฉุกเฉินที่เข้าไปช่วยเหลือ แล้วนำตัวกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะเท่านั้น โดยมีหน้าที่ตรวจและวิเคราะห์การเสียชีวิตจากฟิลม์เอ็กซเรย์ นอกจากนี้ได้เตรียมผลเอกซเรย์และฟิล์มเอกซเรย์ มาให้พนักงานสอบสวนเพื่อประกอบการให้ปากคำซึ่งมีการยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน

พ.ต.อ.มานะ กล่าวว่า วันนี้เชิญแพทย์ที่เกี่ยวข้องในด้านรังสี อ่านฟิล์มเอกซเรย์ ของนายธวัชชัย อนุกูล ขณะยังไม่เสียชีวิตที่โรงพยาบาล หลังจากกู้ชีพเบื้องต้นแล้วนำตัวมาจากที่เกิดเหตุเพียง 10 นาที เข้าห้องเอกซเรย์แล้วเริ่มดำเนินการช่วยชีวิตตามขั้นตอน ได้สอบถามถึงประเด็นการ แตกหักของกระดูก ร่องรอยบาดแผล หรืออวัยวะภายใน ซึ่งระบบของทางโรงพยาบาลเป็นระบบออนไลน์ จึงไม่ได้พบผู้เสียชีวิตโดยตรงเห็นเพียงแผ่นฟิล์มผ่านจอมอนิเตอร์ที่ห้องทำงาน แล้วรายงานเป็นเอกสารว่าตรวจสอบจุดไหนบ้างซึ่งวันนี้ได้นำเอกสารชุดนี้มาประกอบคำให้การ เบื้องต้น สอบพยานปากไปกว่า 20 ปาก ทราบว่ากองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปเก็บลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าตำรวจจะหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงให้ได้ ซึ่งรายละเอียดยังเปิดเผยไม่ได้

Advertisement

พ.ต.อ.มานะ กล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทางพนักงานสอบสวนก็เตรียมเรียกผู้ที่ยังมีข้อสงสัยในข้อเท็จจริงเข้าให้ปากคำอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้พบว่ามีการให้ข้อมูลที่ยังไม่ค่อยสอดคล้องกัน นอกจากนี้ยังเตรียมจะเชิญ พ.ต.ท.ไพโรจน์ เล้ารัตนานุรักษ์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ รองหัวหน้าผู้ควบคุมมาสอบอีกครั้งเช่นกัน หลังพบตรวจพบว่ามีดีเอ็นเอปนอยู่ในถุงเท้าที่นายธวัชชัยใช้ผูกคออย่างไรก็ตามยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ทุกอย่างเป็นการดำเนินการเพื่อให้สิ้นข้อสงสัยเท่านั้น ส่วนผลการชันสูตรและผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานขณะนี้ได้ทำหนังสือขอรับผลทั้งหมดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ ซึ่งภายในวันนี้จะติดตามผลอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่า พนักงานสอบสวนมีกรอบระยะเวลาในการทำสำนวนในคดีนี้ 30 วัน และหากสำนวนยังไม่แล้วเสร็จก็สามารถขอเลื่อนการส่งสำนวนให้อัยการได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน แต่ขณะนี้ยังไม่ขอเร่งรัดการดำเนินการ หรือตั้งกรอบของเวลาให้พนักงานสอบสวน เนื่องจากคดีนี้ต้องใช้หลักฐานที่เป็นผลการตรวจต่างๆ รวมถึงผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบและรอผล แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากพนักงานสอยสวนได้ผลการตรวจสอบดังกล่าวมา ก็สามารถสรุปสำนวนได้ทันตามกรอบเวลาแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image