“ปวีณา”พาม.5โดนครูปาแก้วรักษายันฮี เผยกระแทกประสาทรากแก้ว ตาปิดไม่สนิทเสี่ยงบอด

จากกรณีน.ส.นฤดี จอดสันเที๊ยะ หรือทราย อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5/10 โรงเรียนโชคชัยสามัคคี อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ถูกนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก ครูพละ อาจารย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ปาแก้วกาแฟใส่บริเวณกกหูซ้าย ทำให้กล้ามเนื้อบวมทับเส้นประสาทคู่ที่ 7 ส่งผลให้ใบหน้าผิดรูป ปากเบี้ยว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเข้ารักษากับแพทย์เฉพาะทางประจำโรงพยาบาลชื่อดังทั้งของรัฐและเอกชน แต่อาการไม่ดีขึ้นและเส้นประสาทตาเริ่มเสื่อมสภาพ โดยผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีและเข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แล้ว

ปวีณา1

ล่าสุดเมื่อ เวลา 13.30 น. วันที่ 14 กันยายน ที่โรงพยาบาลยันฮี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาน.ส.นฤดี หรือทราย เดินทางมายังโรงพยาบาลยันฮี เพื่อเข้าพบนพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลยันฮี นพ.สุธน พิศูทธินุศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการ และ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจอาการน.ส.นฤดี ในเบื้องต้น

ปวีณา2

Advertisement

นางปวีณา กล่าว เมื่อวันที่ 13กันยายน น.ส.นฤดีและครอบครัวเดินทางมาพบตน พร้อมเล่าเรื่องราวให้ฟัง จึงโทรศัพท์สอบถามไปยังสภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ทราบว่าได้เรียกครูคนดังกล่าวมาสอบปากคำ และอยู่ระหว่างดำเนินการคดี ตอนนี้เรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดคือการช่วยรักษาน.ส.นฤดี เพราะที่ผ่านมาแพทย์ลงความเห็นว่าหากปล่อยนานไปใบหน้าอาจพิการถาวร ในส่วนของคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ และต้องให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณโรงพยาบาลยันฮี ที่ให้การช่วยเหลือและรับรักษาน.ส.นฤดี

ปวีณา4

ต่อมานพ.สุพจน์ นำตัวน.ส.นฤดี มาตรวจรักษาเบื้องต้น ได้นำไฟฉายมาส่องตาทั้ง2ข้างเพื่อตรวจม่านตา ก่อนจะใช้นิ้วกดไล่ตั้งแต่บริเวณท้ายทอยมาจนถึงขมับทั้งสองข้าง เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ รวมทั้งสอบถามอาการและความเจ็บปวดเบื้องต้นจากน.ส.นฤดี ก่อนจะให้น.ส.นฤดียิ้ม จึงพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าตั้งแต่หนังตาไล่ไปจนถึงคาง ซีกซ้าย ไม่ตอบสนอง และไม่มีการยกขึ้นของกล้ามเนื้อหน้า ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติ

Advertisement

ปวีณา5

หลังจากตรวจอาการเบื้องต้นแล้วนพ.สุพจน์ นพ.สุธน พิศูทธินุศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลยันฮี พร้อม นางปวีณา และน.ส.นฤดี ร่วมแถลงผลการตรวจอาการเบื้องต้น

นพ.สุธน กล่าวว่า จากการดูผลการตรวจจากโรงพยาบาล2แห่ง ที่น.ส.นฤดี ไปรักษา เบื้องต้นแพทย์ระบุว่ามีอาการเส้นประสาทคู่ที่7อักเสบ จากการได้รับการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังได้ตรวจด้านสมองพบว่าไม่มีการแตกร้าวของกระดูก ตรงกับการตรวจเบื้องต้นของ รพ.ยันฮี

ขณะที่นพ.สุพจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น กระดูกไม่น่าจะแตกหัก แต่พบว่าน.ส.นฤดี มีอาการเจ็บที่ใบหน้าทางด้านซ้ายอย่างมาก แต่ใบหน้าด้านขวาไม่มีอาการอะไร จากการตรวจพบว่าใบหน้าด้านขวาทำงานปกติ แต่ใบหน้าด้านซ้ายกลับไม่ทำงาน เพราะเมื่อยิ้มเส้นประสาททางด้านขวาสั่งให้ยิ้มได้ปกติ แต่เส้นประสาทด้านซ้ายกลับไม่สามารถสั่งงานให้ยิ้มได้ รวมไปถึงดวงตาที่ตาขวาสามารถหลับตาได้ปกติ แต่ตาซ้ายกลับไม่สามารถหลับตาได้สนิท อาจเกิดจากเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของหนังตาไม่สามารถสั่งให้หนังตาได้ หากตาไม่สามารถปิดสนิทได้จะทำให้ตาแห้ง และจะอักเสบ จากนั้นลูกตาจะมีลักษณะขุ่น ทำให้การมองเห็นไม่ชัด พร่ามัว และอาจทำให้ตาบอดในที่สุด ทั้งนี้ต้องไปดูว่าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบจนไปทับเส้นประสาท หรือเส้นประสาทอักเสบ หรือว่าเส้นประสาทขาด

นพ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า แนวทางในการรักษานั้น หากกล้ามเนื้อทับเส้นประสาทและเส้นประสาทอักเสบ จะต้องรักษาให้ยาตามปกติ แต่ถ้าหากเส้นประสาทขาดต้องเปิดแผลเพื่อเย็บเส้นประสาท ระยะเวลาในการรักษาเกี่ยวกับระบบประสาทนั้น จะใช้เวลานานประมาณ3-6 เดือน แต่ที่สำคัญคือต้องตรวจหาสาเหตุก่อนว่าอาการเช่นนี้เกิดจากสาเหตุใด จะใช้เวลาประมาณ3วันในการตรวจอย่างละเอียด กรณีนี้ถือว่าที่มาของสาเหตุในการเกิดนั้นค่อนข้างชัดเจนว่าถูกกระแทกที่บริเวณกกหู บริเวณดังกล่าวตรงกับเส้นประสาทจากสมองคู่ที่7 โดยเส้นประสาทคู่นี้เป็นลักษณะคล้ายรากแก้วจะแยกย่อยรากฝอยออกเป็น5เส้น แบ่งเป็นควบคุมบริเวณเปลือกตาบน ,ด้านล่างตา ,แก้ม ,ริมฝีปาก และบริเวณคาง อาการที่เกิดกับน.ส.นฤดี เชื่อได้ว่าแรงกระแทกน่าจะเกิดจากเส้นประสาทรากแก้ว เป็นต้นตอใหญ่ที่ใช้ควบคุมส่วนต่างๆทั้ง5ส่วน นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยันฮี ได้เตรียมแพทย์อายุรกรรม แพทย์ด้านประสาทและตามาร่วมรักษาด้วย ทั้งนี้ลักษณะอาการดังกล่าวถือว่าสาหัส เพราะใช้ระยะเวลาในการรักษามาประมาณ1เดือนแล้วยังไม่หาย หากปล่อยทิ้งไว้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าด้านซ้ายฝ่อ จนทำให้เสียบุคลิก

ขณะที่น.ส.นฤดี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้เข้าเรียนวิชาพละ ที่มีนายไพฑูรย์ แกลงกระโทก เป็นผู้สอน โดยนายไพฑูรย์ไปทำฉลากเพื่อจะแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเล่นตะกร้อ ให้นักเรียนนั่งรอที่บริเวณหน้าห้องพละ มีทั้งที่นั่งในร่มและกลางแดด แต่กลุ่มของตนนั่งอยู่กลางแดดจึงตัดสินใจลุกขึ้นเพื่อเดินไปนั่งในที่ร่ม ขณะที่ลุกขึ้นนั้นนายไพฑูรย์เห็นจึงปาแก้วเซรามิกใส่ตน โดนบริเวณกกหูด้านซ้าย พร้อมกับพูดดุด่าว่าพวกตนจะยืนทำไม สั่งให้นั่ง และจริงๆจะปาให้หัวแตก ขณะเกิดเหตุมีเพื่อนที่เป็นนักเรียนอีก34คนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย กระทั่งเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 สิงหาคม ตนตื่นมาแปรงฟันกลับพบว่าน้ำไหลออกมาจากปากหมดเลย และใบหน้าด้านซ้ายมีลักษณะผิดรูป จึงทราบว่าเกิดความผิดปกติกับตนแล้ว

น.ส.นฤดี กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายไพฑูรย์ไปบอกกับนายนิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนโชคชัยสามัคคี (ชส.)ว่าตั้งใจจะปาแก้วใส่ผนังไม่ได้ตั้งใจปาใส่ตนนั้น คิดว่าครูควรจะแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้กระทำไป ทั้งนี้มีความหวังว่าจะต้องหายเป็นปกติ และรู้สึกโล่งใจมากที่มูลนิธิปวีณา และโรงพยาบาลยันฮี เข้ามาช่วยเหลือรับรักษาตนไว้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image