เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 กันยายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจหมื่นล้าน
โดย พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวว่า พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.นำสำนวนการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ส่งให้พนักงานอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อพิจารณาสั่งคดีตามกระบวนการขั้นตอน เรียนชี้แจงว่า กระบวนการขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการคลี่คลายข้อเท็จจริงทั้ง 2 คดี (คดีโอนหุ้นและคดีการเสียชีวิต) ที่เกี่ยวกับนายชูวงษ์นั้น ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา หาพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานแวดล้อมด้วยความรัดกุม จากนั้นเสนอไปที่ศาลให้พิเคราะห์ว่าเห็นควรจะออกหมายค้นหรือหมายจับหรือไม่ ทั้งหมดนำไปสู่การออกหมายค้นและหมายจับ สิ่งสำคัญคือ ทางเจ้าหน้าที่ได้กระทำตามกระบวนการเบื้องต้นอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด หรือทำไปเพราะกระแสทางสังคม
พล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวต่อว่า ในคดีการโอนหุ้นนายชูวงษ์ ชุดสืบสวนพบพยานหลักฐานชัดเจน มีความผิดปกติในเรื่องเอกสารการทำธุรกรรม รวมทั้งมีการปลอมแปลงเอกสารชัดเจน ตำรวจใช้พยานหลักฐานเป็นตัวตั้ง ภายหลังจากอัยการสั่งไม่ฟ้อง โดยยืนยันว่าการทำพยานหลักฐานในคดีนี้ มีความสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่ได้ทำโดยความรู้สึกหรือทำเพราะได้รับความกดดันจากกระแสสังคมหรือญาติผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด และในคดีโอนหุ้นนั้นมีผู้ต้องหา 4 คน ทั้งหมดให้การปฏิเสธในการให้ปากคำชั้นสอบสวน แต่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอต่อการส่งฟ้อง ภายหลังจากอัยการสั่งไม่ฟ้องและส่งความเห็นกลับไปให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อยู่ระหว่างรอขั้นตอนทางธุรการ หาก ผบ.ตร.จะเรียกคณะทำงานคดีนี้ไปชี้แจง ก็พร้อมเข้าให้ข้อมูล ตามกระบวนการยุติธรรมมีตำรวจ อัยการ ศาล 3 ส่วนเป็นอิสระ ไม่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน หากพนักงานอัยการไม่สั่งฟ้อง ก็เป็นอำนาจของพนักงานอัยการ ส่วนคดีฆาตกรรมนั้น พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้ว คาดว่ายังอยู่ระหว่างการตรวจสำนวน
