ชาวบ้านผวาโรคจิตฆ่าหั่นศพ แจ้งจับชายเร่ร่อน พบเคยก่อเหตุทำร้ายเด็ก-ทำอนาจาร

วันที่ 19 กันยายน เมื่อเวลา 11.30 น. ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งว่ามีชายเร่ร่อนสติไม่ดี ที่เคยเข้ามาก่อเหตุทำร้ายเด็ก และกระทำอนาจารหลายครั้ง ภายในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ซ.จินตคาม ทน.อุดรธานี กลับมาปรากฏตัวอีก เกรงจะเกิดเหตุร้ายขอให้ตำรวจส่ง จนท.มาดูแลและระงับเหตุ

ร.ต.อ.สุวัฒน์ชัย ศรีวิชา หน.สายตรวจ 191 พร้อมกำลังเดินทางไปพบกับนายชัยพฤษ ประตูแก้ว จนท.ฝ่ายอำนวยความสะดวก นำไปพบกับชายลักษณะเหมือนคนเร่รอน ในหน้ามีหนวดเครา สวมเสื้อยืดแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขาสามส่วนสีกากี รองเท้าผ้าใบขาด ที่ถูกชาวบ้านควบคุมตัวไว้กับเสาไฟ ตำรวจรับคำชี้แจงจาก จนท.ศาสนจักรฯ ได้เข้าควบคุมตัวชายคนดังกล่าว ซึ่งร้องตะโกนเสียงดังอยู่ตลอดเวลา

นายชัยพฤษ เปิดเผยว่า ชายเร่ร่อนคนนี้เคยมาที่นี่หลายปี ทราบว่ามีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ทำให้สภาพร่างกายและจิตใจเปลี่ยนไป แต่ก่อนไม่มีสภาพแบบนี้ จนเมื่อราว 6 เดือนก่อนมีปัญหามากขึ้น ตั้งแต่การแต่งกาย พูดจาไม่รู้เรื่อง ขับถ่ายไม่เป็นที่เป็นทางและอนาจาร เราเองก็เข้าใจและสงสาร เขาคงคิดว่าที่นี่ปลอดภัยจึงมาอยู่ เมื่อสัปดาห์ก่อนไปบีบคอเด็ก 3 คนในห้องน้ำ ทุกคนกลัวจะเกิดเหตุร้ายจึงขอให้ตำรวจช่วย

ขณะตำรวจคุยกับชายคนดังกล่าว อ้างตัวเองชื่อนายอมร เลิศเดช อาศัยอยู่ชุมชนผาสุก (ชุมชนแออัดมีปัญหายาเสพติดซึ่งถูกรื้อไปแล้ว) แต่ก็ไม่สามารถพูดจารู้เรื่อง โดยไม่ฟังคำถามจากคนอื่น จะพูดออกมาเพียงฝ่ายเดียว อาทิ มาจับตัวเองทำไม  ไปถามที่อุดรโฮเต็ล ไปช่วยงานที่นั่น มาช่วยทำสะอาดกวาดขยะ จึงควบคุมตัวขึ้นรถสายตรวจออกไป โดยยอมรับว่าเคยควบคุมตัวคนแบบนี้หลายครั้ง ไม่นานก็ย้อนกลับมาอีก

Advertisement

นายสว่างพงษ์ เมธีกุล ผอ.ศูนย์ไร้ที่พึ่ง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ปัญหาคนเร่ร่อนและมีอาการป่วยทางจิต เราจะเข้าไปดูแลตาม พรบ.2 ฉบับ คือ พรบ.คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง และ พรบ.สุขภาพจิต โดยมีหน้าที่คุ้มครองของกลุ่มนี้ เมื่อมีการตรวจพบ จะได้รับการสอบประวัติหาญาติ เพื่อทำความเข้าใจกับญาติ ให้ช่วยกันดูแลผู้ป่วยตั้งแต่รักษา ไปจนถึงรักษาหายกลับมาอยู่บ้าน

“คนเร่ร่อนป่วยทางจิตทั้งมีญาติ และไม่มีญาติ  จะนำมาพบแพทย์ที่ รพ.อุดรธานี เพื่อตรวจคัดกรองอาการป่วย หากมีความจำเป็นต้องเยียวยาใน รพ.ก็จะต้องส่งไปที่ รพ.จิตเวช จ.เลย เมื่อรับการเยียวยารักษาหาย ส่วนหนึ่งจะกลับไปอยู่กับญาติ เราก็ยังคงต้องติดตามดูต่อเนื่อง หากไม่มีญาติจะถูกส่งไปที่บ้านพักพิง จ.นครราชสีมาก่อน ” นายสว่างพงษ์ กล่าว

นายสว่างพงษ์ เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยอุดรธานีดูแล 160 คนเศษ เป็นทั้งคนที่เร่ร่อนมีภูมิลำเนาอยู่อุดรธานี และผู้ไปเร่ร่อนต่างจังหวัด แล้วถูกส่งกลับมาภูมิลำเนา มีผู้เร่ร่อนป่วยทางจิตเพิ่มขึ้น เราก็ทำตามขั้นตอนปฏิบัติ ที่เป็นปัญหาหนักคือผู้ป่วยที่ ครอบครัวไม่ให้ความสนใจ กลับมาเร่ร่อนต้องนำไปบำบัดอีก หากต้องการปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือ ติดต่อได้ที่ 024-242728 หรือสายด่วน 1300 ตลอด 24 ชม

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image