ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก เจอตะปูเกลื่อนถนน เป็นระยะทางกว่า 1 กม. รถยางรั่วไปแล้วหลายคัน

วันนี้ (17 ก.ย. 2564) ผู้สื่อข่าวได้เดินลงพื้นที่ตรวจสอบ ถนนสายท่าบ่อ-บ้านผือ ตั้งแต่บริเวณ หน้าปั้มสยามแก๊สพิจิตรท่าบ่อ ไปถึงหน้าโรงเรียนบ้านนาช้างน้ำ ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย หลังได้รับการร้องเรียนว่าชาวบ้านเดือดร้อนมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำตะปูจำนวนมาก มาโรยไว้เกลื่อนทั่วถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร จนทำให้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่วิ่งสัญจรไปมาบนถนนสายดังกล่าว หลายคันต้องประสบกับปัญหายางรั่วไปตาม ๆ กัน แต่ยังโชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือรถล้มได้รับความเสียหาย

จากการสอบถาม นายชาญชัย สุวรรณโฮม อายุ 35 ปี ที่อยู่ 182 หมู่ 9 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวเล่าว่า ตลอดช่วง 2 สัปดาห์นี้มีชาวบ้านหลายรายได้ขี่รถจักรยานยนต์บนถนนสายดังกล่าวปรากฏว่ารถยางรั่ว ซึ่งสำรวจไปที่ยางก็พบสาเหตุเป็นเพราะตะปู ไม่รู้ว่าคนที่ทำมีจุดประสงค์อะไร การทำแบบนี้คนอื่นได้รับความเดือดร้อน ซึ่งมีผลต่อกฎหมาย หากมีการนำไปแจ้งความ
เมื่อเดินสำรวจตามถนนก็พบตะปูจำนวนมากวางตามผิวถนน โดยชาวบ้านและสื่อมวลชนต้องช่วยกันเก็บออกจากผิวถนนป้องกันรถมาเหยียบทำให้ยางรั่ว

สอบถามชาวบ้านที่อาศัยละแวกดังกล่าวเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่า ชาวบ้านที่ประสบเหตุรถยางรั่วเมื่อตรวจสอบที่ล้อรถพบว่าเป็นตะปูเรือใบติดอยู่บนยางรถ โดยมีชาวบ้านที่ประสบเหตุหลายราย เพราะถนนเส้นนี้มีคนสัญจรเป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านไม่แน่ใจว่าคนที่ทำทำไปทำไม เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดในพื้นที่เลย อยากฝากถึงคนทำว่าให้สงสารเจ้าของรถที่ต้องเปลี่ยนยางรถ เพราะยุคนี้เป็นยุคโควิดต่างคนต่างลำบากกันและต้องพากันเอาตัวรอด คนที่เคราะห์ร้ายมาเจอเหตุการณ์นี้ก็ต้องเปลี่ยนยาง ราคายางที่ถูกที่สุดถ้าเป็นรถยนต์ก็อยู่ที่ 1,800-1,900 บาท หากโดนทั้ง 4 เส้นอาจจะถึง 10,000 บาทก็ได้ ส่วนยางรถจักรยานยนต์ก็เส้นละ 200-300 บาท ทำเช่นนี้คนที่บริสุทธิ์อาจจะเดือดร้อน

ขณะเดียวกันผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายรายในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ ที่ประสบเหตุ ได้โพสต์เล่านาทีชีวิต โดยมีข้อความเตือนภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นว่า “ชาวบ้านเดือดร้อนไม่รู้ใครมาโรยตะปูตามถนน สภ.ท่าบ่อ ติดตามให้ด้วยนะครับ ชาวบ้านเดือดร้อน” อย่างไรก็ตามทางชาวบ้านต่างวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีที่จะสามารถติดตามตัวมาได้ โดยหวั่นว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีก หรืออาจจะถึงขั้นชาวบ้านจะได้รับอันตรายมากกว่าที่ยางรถจะแตกและระเบิด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image