ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ร้องดีเอสไอรับคดีพิเศษ มิจฉาชีพอ้างเป็น จนท.หลอกโอนเงินจองวัคซีน

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ร้องดีเอสไอรับคดีพิเศษ มิจฉาชีพอ้างเป็น จนท.หลอกโอนเงินจองวัคซีน

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวัลลภ ยุติธรรมดำรง รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ กรณีมีผู้ปลอมบัญชีไลน์เพจเฟซบุ๊ก อีเมล์ ในนามราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ รวมทั้งใช้ตราสัญลักษณ์ปลอมของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของราชวิทยาลัยส่งคิวอาร์โค้ดพร้อมเพย์ไปหลอกลวงฉ้อโกงขายวัคซีนซิโนฟาร์มให้กับประชาชน

นายวัลลภกล่าวว่า สืบเนื่องจากมีบุคคลที่ปลอมแปลงบัญชีไลน์และเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และนำตราสัญลักษณ์ รวมถึงรูปภาพต่างๆ ไปใช้เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนสั่งจองวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์ม โดยขณะนี้มีผู้ที่หลงเชื่อโอนเงินค่าวัคซีนแล้วหลายราย มีมูลค่าความเสียหายหลักล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง และนนทบุรีแล้ว แต่เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบต่อประชาชนจำนวนมาก และมีมูลค่าความเสียหายสูง จึงมายื่นเรื่องให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาว่าจะเข้าหลักเกณฑ์รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่

Advertisement

นายวัลลภกล่าวด้วยว่า จากข้อมูลพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพจะปลอมแปลงบัญชีไลน์และเฟซบุ๊กขึ้นมาตั้งแต่ราชวิทยาลัยนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มมาตั้งแต่ล็อตแรกๆ แล้ว แต่ขณะนั้นหลักฐานยังไม่ชัดเจน ทราบว่าคนพวกนี้จะแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เข้าไปตอบคำถามข้อสงสัยในกลุ่มสาธารณะที่พูดคุยเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนต่างๆ ให้ประชาชนหลงเชื่อ และหลอกให้จองวัคซีนพร้อมให้โอนเงิน โดยอ้างว่าจะได้ราคาวัคซีนที่ต่ำกว่าราคาที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จัดสรรด้วย

นาวาอากาศเอก ปพาฬ ศิริสวัสดิ์ นิติกรราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของมิจฉาชีพดังกล่าวจะเปลี่ยนหน้าเพจไปเรื่อยๆ เมื่อหลอกได้แล้วก็จะปิดเพจ ทำในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังพบอีกว่ามีการไปหลอกขอ Username และ Password ของทางโรงพยาบาลที่รับจัดสรรวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และทำการล็อกอินเข้าไปเพิ่มชื่อผู้ได้รับจัดสรรวัคซีนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและไปหลอกประชาชนต่อ ซึ่งมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำนี้ และเข้ามาร้องเรียนต่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ด้วย

ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์กล่าวว่า หลังรับเรื่องจากราชวิทยาลัยแล้วจะมอบหมายให้คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหลักฐานทั้งหมดว่าเข้าข่ายที่จะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ หากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากและคดีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อนก็จะรับไว้เป็นคดีพิเศษ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่าคดีดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image