“นพ.เหรียญทอง”โพสต์คาใจ”ผู้อื่นทำให้ตาย แต่ไม่ใช่ฆาตกรรม”-“ย้ำไม่ปล่อย”หมอ”เป็น”หมู-แพะ”

ความคืบหน้าการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดิน จ.พังงา ผู้ต้องหาออกเอกสารสิทธิที่ดินรุกป่าที่ จ.ภูเก็ต ถูกควบคุมตัวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ใช้ถุงเท้าผูกคอในห้องขังดีเอสไอ โดยผลการตรวจพิสูจน์ของสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่ามีอาการตับแตก แพทย์ยืนยันว่าไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากการปั๊มหัวใจ ทำให้ญาติผู้เสียชีวิตยังติดใจถึงสาเหตุการตาย จนยกเลิกพิธีฌาปนกิจศพ รอพิสูจน์ความจริง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊ก”เหรียญทอง แน่นหนา” ระบุว่า “ผู้อื่นทำให้ตาย แต่ไม่ใช่ฆาตกรรม”…เป็นประโยคที่มีคนสงสัยกันมากว่าหมายความว่าอะไร ผมจะยกตัวอย่างให้ได้เข้าใจ ดังนี้…มีเหตุการณ์ “คนใกล้จะตายอยู่แล้ว” ซึ่งจำเป็นต้องทำการปั๊มหัวใจ หรือ Cardo-Pulmonary Resuscitation (CPR) เพื่อฟื้นคืนชีพ แล้วมีบุคลากรทางการแพทย์หรือเจ้าหน้าที่มูลนิธิหลายๆคนซึ่งถือว่าเป็น “ผู้อื่น” เข้าไปช่วยชีวิตทำการปั๊มหัวใจเพื่อฟื้นคืนชีพ แต่ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้แล้วทำให้ “คนใกล้จะตายอยู่แล้ว” กลายเป็น “คนตาย” ในที่สุด

“ต่อมาผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่พบประจักษ์พยานหลักฐานใดๆว่าการเสียชีวิตนั้นเกิดจากการฆาตกรรม แต่กลับพบว่าการเสียชีวิตนั้นเกิดจากการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต ดังนั้นจึงเป็นกรณีที่บุคลากรทางการแพทย์หรือเจ้าหน้าที่มูลนิธิหลายๆคนซึ่งถือว่าเป็น “ผู้อื่น” ได้เข้าไปทำการปั๊มหัวใจเพื่อฟื้นคืนชีพแล้วทำให้คนตายซึ่งไม่ถือว่าเป็นการฆาตกรรมครับ…หรือประโยคที่ท่านทั้งหลายได้ยินกันตามข่าวนั่นแหละครับว่า…”ผู้อื่นทำให้ตาย แต่ขอย้ำว่า ไม่ใช่ฆาตกรรม” ไงล่ะครับ

“ผมยกตัวอย่างให้เห็นแล้ว ท่านทั้งหลายคงเข้าใจได้ไม่ยากว่า กรณีนาย ธวัชชัย อนุกุล มี “ผู้อื่นทำให้ตาย แต่ไม่ใช่ฆาตกรรม” นั้นน่าจะหมายความว่าอะไร…”ผู้อื่น” หมายถึงใคร…คนหลายๆคนที่ช่วยชีวิต นาย ธวัชชัย ด้วยการปั๊มหัวใจใช่หรือไม่… ???
ผมเป็นคนมีสติในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะวิกฤตหรือไม่ ผมเป็นคนที่ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นคุณลักษณะประการหนึ่งของผม ผมจึงไม่ใช่คนประเภทกระต่ายตื่นตูม

Advertisement

“ผมประเมินสถานการณ์กรณี ธวัชชัย อนุกุล ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.59 มาโดยตลอดต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ผมประมาณสถานการณ์ว่าผู้เกี่ยวข้องในกรณีนี้จะมีแนวทางออกมาได้กี่แนวทาง มีหนทางปฏิบัติและขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร ผมเป็น ผอ.รพ.เอกชน (รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็น รพ.เอกชนนะครับ ไม่ใช่ รพ.ทหาร หรือ รพ.รัฐบาล) ที่รู้ประสีประสา ไม่เพียงแค่วิชาการทางการแพทย์เท่านั้นหรอกนะครับ ดังนั้นผมจึงไม่มีวันปล่อยให้บุคลากรทางการแพทย์ในความรับผิดชอบของผมจาก ‘หมอ’ กลายเป็น ‘หมู’ แล้วแปรสถานะเป็น ‘แพะ’ หรอกครับ

“ถึงแม้ผมจะเรียนไม่เก่ง แต่ก็เรียนหมอจบ ผมได้รับการปลูกฝังจิตวิญญาณทหารจากสถาบันทหารอันทรงเกียรติไต่เต้าจากการเป็นผู้บังคับหมวดในกองพันทหารราบและเติบโตในชีวิตราชการตามลำดับ สำเร็จการศึกษาจาก รร.เสนาธิการทหารบก เคยเป็นทั้งผู้บังคับหน่วยและฝ่ายเสนาธิการ เจริญก้าวหน้ามาด้วยความสามารถของผมเองล้วนๆ ไม่เคยวิ่งเต้นขออะไรจากใคร คนอย่างผมจึงมีสติ มีปัญญา คิดอ่านแผนและขั้นตอนการปฏิบัติของไอ้พวกใช้อำนาจรัฐ อย่าง “บ้าๆ โง่ๆ” ออกก็แล้วกัน

“ผมไม่ได้อวดดีหรือโพสต์เอามันส์ เอายอดจำนวนไลค์ ยอดแชร์อะไรกันหรอกนะครับ เพียงแต่ผมอาศัยสื่อสังคมออนไลน์ในการปฏิบัติภารกิจเพื่อป้องกันการใช้อำนาจรัฐอย่างบ้าๆ โง่ๆ เท่านั้นเอง จงใช้อำนาจรัฐอย่างถูกต้องและเป็นธรรม หากมิฉะนั้นแล้วอำนาจรัฐจะถูกนำมาใช้ย้อนกลับคืนสู่ผู้ใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบนั้นเอง”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image