ตร.จับกุมผู้ต้องหาชิงทองหนักกว่า 300 บาท มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ตร.จับกุมผู้ต้องหาชิงทองหนักกว่า 300 บาท มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ต.ค.64 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 , พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมชุดจับกุม แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชิงทรัพย์ห้างทองทวีชัย พร้อมของกลางทองรูปพรรณน้ำหนักกว่า 300 บาท มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ณ หน้า สภ.เมืองภูเก็ต

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 ต.ค.2564 เวลาประมาณ 23.30 น. สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายปีนขึ้นหลังคาร้านทองบริเวณชั้นสองของบ้าน ทำการเปิดแผ่นกระเบื้องหลังคาและได้ปีนลงมาทางฝ้าเพดาน เพื่อเข้ามาในบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นคนร้ายได้เดินลงไปยังชั้น 1 ของบ้านหลังดังกล่าว พบเจ้าของบ้านเป็นผู้สูงอายุ เป็นผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 1 คน กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บริเวณชั้นล่าง เมื่อเห็นดังนั้นคนร้ายจึงได้ลงมือทำร้ายร่างกายผู้เสียหายทั้งสอง คนจนได้รับบาดเจ็บ และได้บังคับให้ผู้เสียหายเปิดตู้เซฟเพื่อต้องการจะเอาทรัพย์สิน จากนั้นคนร้ายได้เอาทรัพย์สิน ได้แก่ สร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ กำไลทองคำ ไปจำนวนหลายรายการ พร้อมทั้งเงินสดจำนวนหนึ่ง แล้วหลบหนีไป เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์และเป็นคดีที่น่าสนใจต่อประชาชน สื่อมวลชน

พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ตามโครงการภูเก็ต SANDBOX ของรัฐบาล และ SMART SAFETY ZONE 4.0 ซึ่งเป็นแนวคิดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ต้องการให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ให้กับประชาชน ตามแนวคิดเรื่องเมืองอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรมควบคู่กับการบูรณการกำลังกับหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัย ติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติม มีห้องปฏิบัติการ CCOC โดยเชื่อมสัญญาณจากกล้องของหน่วยงานราชการ และเอกชนมายังห้องปฏิบัติการ และนำวิทยุระบบดิจิทัลมาใช้ร่วมกัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์สามารถควบคุมสั่งการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกระดับการทำงานของตำรวจตามกรอบความคิดเรื่องระบบราชการ 4.0 ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ในด้านการป้องกันอาชญากรรมซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจากหลายหน่วย ได้บูรณาการกำลังทำการสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ และเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายคาดว่าจะใช้ในหลบหนี ต่อมาพบชายซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับคนร้าย

Advertisement

โดยหลังจากก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ไอ สีดำ ออกมาจากจุดเกิดเหตุ เข้ามาสิ้นสุดบริเวณคาร์แคร์ Hardcord ถ.วิชิตสงคราม ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2564 เวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ทำการสืบสวนจนเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะพักอาศัยอยู่ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 64/1 ถ.วิชิตสงคราม ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และได้พบตัวนายชาย ออง สัญชาติพม่า อายุ 27 ปี ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนร้าย จึงได้ซักถามนายชาย ออง เบื้องต้นท่าทางมีพิรุธ และทำการตรวจสอบบ้านพักคนงาน พบเสื้อผ้าซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับเสื้อผ้าที่คนร้ายสวมใส่ แขวนอยู่หน้าห้องพักคนงานของนายชาย ออง สัญชาติพม่า จึงได้นำตัวมาสอบสวนโดยละเอียด

นายชายให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายที่ได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ในครั้งนี้ โดยนำทรัพย์สินได้มาซุกซ่อนอยู่ในห้องพัก และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นห้องพัก ผลการตรวจค้น พบทองรูปพรรณ น้ำหนักประมาณ 363 บาท และเงินสด จำนวน 33,600 บาท ที่คนร้ายได้ไปชิงทรัพย์ไปจากห้างทองทวีชัย ซุกซ่อนอยู่บริเวณภายในห้องพักของนายชาย ออง จากนั้นจึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

และเชิญตัวนายชาน ออง มาทำการสอบปากคำให้การยอมรับ ก่อนเกิดเหตุได้มาดูต้นทางที่ห้างทองทวีชัย จำนวน 2 ครั้ง ช่วงวันที่ 20 และ 21 ต.ค.2564 ว่าเหมาะสมแก่การก่อเหตุ และคนร้ายติดการพนันออนไลน์ ไม่มีเงิน โดยวันที่เกิดเหตุ เวลาประมาณ 17.00 น. ได้มาดูลาดเลาอีกครั้งและ เวลาประมาณ 18.00 น. จึงตัดสินใจก่อเหตุ โดยขับขี่รถ จยย.มาจอดที่ริมถนนเยาวราช และได้เข้าไปในตรอก ทางเข้าบ้านร้างบริเวณหลังบ้านเกิดเหตุ โดยเข้าไปเปลี่ยนชุดที่เตรียมมาไว้สำหรับก่อเหตุ จากนั้นเดินลัดป่าหญ้าหน้าบ้านร้าง ทำการปีนเสาหลังคาบ้านที่เกิดเหตุ และทำการรื้อกระเบื้อง เจาะฝ้าเพดานห้องน้ำชั้น 2 และลงมาแล้วเปิดประตูห้องน้ำเพื่อเข้าบ้าน แต่เข้าไม่ได้ จึงปีนกลับไปบนหลังคา เพื่อเปิดกระเบื้องที่ห้องนอน เจาะฝ้าเพดาน ลงมาซุกซ่อนตัวห้องนอนชั้น 2 อยู่ที่บริเวณหลังบ้าน ใช้มีดจากในครัวบ้านที่เกิดเหตุ และหยิบท่อนไม้ ยาวประมาณ 1 เมตร ซึ่งติดอยู่กับห้องครัว

จากนั้นได้พบนางพวงเพ็ญ และนายหวังดี กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ชั้นล่าง จึงใช้ไม้ตีที่ศีรษะนายหวังดี และบังคับให้นางพวงเพ็ญเปิดประตูตู้เซฟนิรภัย ด้วยความหวาดกลัว น.ส.พวงเพ็ญจึงเปิดตู้เซฟนิรภัยให้ และระหว่างที่คนร้ายกำลังหยิบทองรูปพรรณ ไม่ทันระวังตัว นางพวงเพ็ญจึงหยิบเก้าอี้ตีที่บริเวณลำตัวของคนร้าย และคนร้ายจึงใช้ไม้ตีที่บริเวณศีรษะของนางพวงเพ็ญจนได้รับบาดเจ็บสาหัส คนร้ายจึงขนเอาทองรูปพรรณใส่ถุงพลาสติกและกระเป๋าสีดำ แล้วออกมาเปลี่ยนชุดที่บริเวณตรอกหลังบ้าน สวมใส่หมวกกันน็อก แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางที่มีไว้/ได้มา/ได้ใช้ในการก่อเหตุ ดังนี้
1. เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเทาเข้ม จำนวน 1 ตัว
2. กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ จำนวน 1 ตัว
3. หมวกไหมพรมสีน้ำตาล จำนวน 1 ใบ
4. หมวกแก๊ปสีดำ 1 ใบ และหมวกกันน็อกสีดำ จำนวน 1 ใบ
5. ถุงมือขับรถ จยย.สีดำ จำนวน 1 คู่
6. กระเป๋าสะพาย สีดำ จำนวน 1 ใบ
7. รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สี ดำ ทะเบียน 1กด 6972 ภูเก็ต จำนวน 1 คัน
8. ทองคำรูปพรรณ รวมจำนวน 745 รายการ น้ำหนักทองรวมประมาณ 363 บาท มูลค่าเป็นจำนวนเงินประมาณ 10 ล้านบาท
9. เงินสด จำนวน 33,600 บาท
จากการสอบสวนนายชาย ออง ทราบว่าได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 12 ปี ซึ่งล่าสุด นายชายได้ไปต่ออายุ ใบรับการแจ้งรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัย เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2564 ครบกำหนดอนุญาตถึง 31 มี.ค.2565 และเคยเป็นช่างก่อสร้างมาก่อน จึงมีความรู้เรื่องการเจาะเพดานและซ่อมแซมบ้านเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ภ.8 ได้ฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงหน่วยงานเอกชน อาทิ เช่น ธนาคาร ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อหมั่นตรวจสอบ และติดตั้งกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าร้าน ถนนภายในบ้าน เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสามารถช่วยลดโอกาสในการก่อเหตุของคนร้ายและผู้ไม่หวังดีได้ และฝากแจ้งประชาชนทุกคนสามารถแจ้งเบาะแสของกลุ่มคนผู้ไม่หวังดี หรือกลุ่มแก๊งที่เกรงว่าจะก่ออาชญากรรม ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรม รวมถึงให้หน่วยงานเอกชน ธนาคาร ร้านทอง หมั่นตรวจสอบสภาพบ้านเรือน ร้านค้า ของตนเองให้มีสภาพที่สมบูรณ์ มั่นคงแข็งแรง มีระบบการป้องกันที่ดี และทันสมัย มีการตรวจสอบสภาพมุมกล้อง ของกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพที่ดี และพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image