รองผู้ว่ากาญจน์ สั่งรื้อกำแพงสูงภายใน 15 วัน ขุดดินห่างกำแพง 4.50 ม. แถมโดนปรับถมที่ก่อนได้รับอนุญาต

รองผู้ว่าฯกาญจน์ สั่งเจ้าของกำแพงสูงมิดหลังคาบ้าน รื้อถอนภายใน 15 วัน พร้อมขุดดินห่างจากกำแพงชาวบ้าน 4.50 เมตร แถมโดนปรับปมถมที่ก่อนได้รับอนุญาต ส่วนชาวบ้านสุดดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หลังต่อสู้มานานถึง 2 ปี

ความคืบหน้ากรณีสื่อมวลชนได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงถมที่พร้อมสร้างกำแพงสูงมิดหลังคาบ้าน รวม 8 หลัง โดยบ้านทั้ง 8 หลัง สร้างอยู่ฝั่งซ้ายมือภายในซอยร้านอาหารครัวภักดี ท้องที่หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

สำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้ง 8 ครัวเรือนนั้น ประกอบด้วย ครอบครัว ร.ต.สมชาย หนองรั้ง เลขที่ 190/74 ครอบครัว น.ส.มธุรส คุ้มประสิทธิ์ เลขที่ 190/98 ครอบครัวนายจตุรงค์ ภิรมยา เลขที่ 190/101 ครอบครัวนางนภิศรา ทองอุปการ เลขที่ 190/95 ครอบครัวนางอิศรานันท์ เขียวสาคร เลขที่ 190/100 ครอบครัวน.ส.ฉลวย สัมฤทธิสุทธิ์ เลขที่ 190/83 ครอบครัวนายปราโมท รุ่งหิรัญ เลขที่ 190/82 และครอบครัวนายวชิระ ประกอบ เลขที่ 190/97

โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ ร.ต.พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อสรุปประเด็นข้อกฎหมายในการนำเข้าที่ประชุมระดับจังหวัดภายในวันนี้ (5 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี

Advertisement

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 พ.ย.64 ที่ห้องประชุมเอราวัณ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ร.ต.พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหากรณีร้องเรียนเรื่องการถมดินดังกล่าว โดยมี นายชลัฏ มัณฑนาพงศ์ อัยการจังหวัดกาญจนบุรี นายอภินันท์ เอกอนุพนธ์ อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและบังคับคดีจังหวัดกาญจนบุรี นายธนณัฏฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี นายวรากร เสือส่าน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลลาดหญ้า เจ้าของท้องที่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมประชุม โดยการประชุมอนุญาตให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพเพื่อประกอบข่าวได้ไม่อนุญาตให้เข้าร่วมรับฟัง ซึ่งการประชุมในครั้งนี้มีเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ

หลังจากประชุมแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญสื่อมวลชนเข้าไปเพื่อสรุปผลการประชุมให้รับทราบ โดยมี นางสาวมธุรส คุ้มประสิทธิ์ นายธัชชัย กรกุม นางสาวฉลวย สัมฤทธิสุทธิ์ นางสาวพรรณธิดา สายตา นายธานินทร์ เขียวสาคร และนางอิศรานันท์ เขียวสาคร ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมรับฟัง

ทั้งนี้ ร.ต.พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการที่ได้พูดคุยกันในวันนี้สามารถสรุปได้ใน 3 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกเกี่ยวกับ พ.ร.บ.การขุดและถมดิน พ.ศ.2543 ประเด็นที่สองคือการก่อสร้างแนวรั้วอาคาร ที่เข้าข่าย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ประเด็นที่สามคือเรื่องของค่าความเสียหาย ของบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีแนวทางดูแลเจ้าของบ้านได้อย่างไร

เบื้องต้น การขุดดินและถมดิน ตรวจพบว่า ถมดินโดยไม่ได้รับอนุญาต และเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้มีหนังสือไปถึงเจ้าของสั่งให้หยุดการถมดิน ประกอบกับได้ออกประกาศทางการปกครองให้เจ้าของที่ดินหรือผู้ดำเนินการถมดินมาขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.2563 แต่ระหว่างนั้นเจ้าของที่ดินกล่าวว่าอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสาร จึงได้มายื่นหนังสือขออนุญาตอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 19 ส.ค.2563 ต่อมาเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้ออกใบอนุญาตให้ในวันที่ 28 ส.ค.2563 โดยการออกใบอนุญาตนั้นมีการระบุวันเวลาที่ชัดเจนว่าให้ถมดินได้ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.2563 ถึงวันที่ 24 ก.พ.2564

ในการขอใบอนุญาตครั้งนี้ได้มีการยื่นแบบแปลน ซึ่งจะต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย เนื่องจากเป็นการขุดและถมดินเกินกว่า 2,000 ตารางเมตร จึงจำเป็นที่จะต้องมีระบบการระบายน้ำ และต้องมีวิศวกรควบคุมงาน จากการตรวจสอบ ได้มีการดำเนินการอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนที่ 1 คือให้เทศบาลตำบลลาดหญ้าในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่รับผิดชอบกฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมและถมดิน ดำเนินการเปรียบเทียบปรับ ตามมาตรา 42 ซึ่งการเปรียบเทียบปรับนั้นเป็นกรณีที่ถมดินก่อนที่จะได้รับการอนุญาต และแต่งตั้งคณะขึ้นมาตรวจสอบในห้วงระหว่างที่สั่งให้หยุดการดำเนินการถมดินในห้วงวันที่ 2 เม.ย.ไปจนถึงวันที่ได้รับอนุญาตอีกครั้งหนึ่งคือวันที่ 28 ส.ค.2563 ว่ามีการดำเนินการขัดคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือไม่ หากพบว่ามีการขัดคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ก็ให้ทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าดำเนินการตามหน้าที่

ส่วนที่สามเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการถมดินในวันที่ 24 ก.พ.64 แล้ว ยังมีการดำเนินการถมดินต่ออยู่อีกหรือไม่ เนื่องจากผู้ถมดินได้มาขออนุญาตต่อใบอนุญาตถมดิน แต่ทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้พิจารณาว่าเรื่องนี้มียังการเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้น จึงไม่อนุญาตต่อใบอนุญาตให้ จึงถือว่าใบอนุญาตนั้นสิ้นสุดลงในวันที่ 24 ก.พ.64 และต่อมาเมื่อได้มีการเข้าตรวจสอบในพื้นที่ปรากฏว่ายังไม่มีการก่อสร้างระบบการระบายน้ำ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการสั่งให้ยุติการถมดินหรือการที่ไม่ต่อใบอนุญาต จึงให้ทางเทศบาลฯ เชิญวิศวกรสามัญ และผู้ควบคุมงานมาแสดงตนเพื่อรับรองการออกแบบ และนำเอกสารการควบคุมงานมาให้เทศบาล

ประเด็นที่สองคือเรื่องของการก่อสร้างกำแพงกันดินและรั้วที่ก่อด้วยอิฐบล็อกให้สูงขึ้นไป ปรากฏข้อเท็จจริงตามหลักฐานเอกสารจากทางเทศบาลตำบลลาดหญ้า และเขาได้ยืนยันกับเทศาลฯ ว่าได้มีการออกใบอนุญาตการก่อสร้างรั้วจริง แต่ไม่ได้มีการอนุญาตก่อสร้างกำแพงกันดิน เมื่อไม่มีการอนุญาตให้ก่อสร้างกำแพงกันดิน และตามที่ทางโยธาธิการและผังเมืองที่ได้ไปดูแล้ว ปรากฏว่ารั้วได้สร้างอยู่บนสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีฐานราก จึงจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายกับบุคลที่อยู่ข้างเคียงได้ จึงมอบหมายให้ทางเทศบาลในฐานะพนักงานท้องถิ่นสั่งให้มีการรื้อถอนรั้วออกภายใน 15 วัน และเนื่องจากไม่มีการขออนุญาตก่อสร้างกำแพงรั้วกันดิน ซึ่งตามกฎกระทรวงข้อ 16 ในเรื่องมาตรการการป้องกัน ที่ระบุเอาไว้ว่าฐานของดินนั้นจะต้องอยู่ห่างจากโครงสร้างเท่ากับฐานรากขึ้นไป

ฉะนั้นเจ้าของที่ดินจะต้องขุดดินออกจากแนวรั้วไม่น้อยกว่า 4.50 เมตร และทางโยธาธิการและผังเมืองกับทางเทศบาลฯ จะได้ส่งวิศวกรเข้าไปตรวจสอบความมั่นคงของแนวกำแพงกันดิน ซึ่งทางเทศบาลฯ จะไม่มีการพิจารณาออกทำเป็นแนวกันดินอีก แต่จะบังคับให้เจ้าของที่ดินใช้อาคารเป็นแนวการสร้างระบบการระบายน้ำ สำหรับดินที่จะต้องขุดออกให้ห่างจากแนวรั้ว 4.50 เมตรนั้น จะต้องดำเนินการทำทั้ง 3 ด้าน คือด้านหลังและด้านข้างซ้ายและขวา และจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับจากวันที่เจ้าของที่ดินได้รับแจ้ง คาดว่าจะเป็นวันจันทร์ที่ 8 พ.ย.ที่จะถึงนี้

ประเด็นที่ 3 คือการเข้าไปตรวจสอบความเสียหายของชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งทางโยธาธิการและผังจะเข้าไปดูแล

ขณะที่ น.ส.มธุรส คุ้มประสิทธิ์ ซึ่งเป็น 1 ในผู้ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า จากที่ได้รับฟังข้อมูลจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รู้สึกดีใจและตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ซึ่งตรงกับข้อที่เราร้องเรียนไปทั้งหมด ต้องขอขอบคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ท่านนายอำเภอ ท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลลาดหญ้า และทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้สื่อข่าว เพราะถ้าหากไม่ได้สื่อ ก็คงจะไม่มีวันนี้ เพราะภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วันที่สื่อออกข่าวก็ได้ผลสรุปทันที เราต่อสู้กันมานานถึง 2 ปี แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าความถูกต้องนั้นมันมีจริง แต่กว่าจะไปถึง ทำไมมันยากมากนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.ส.มธุรส คุ้มประสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแล้วเสร็จ ปรากฏว่า น.ส.มธุรส กลั้นน้ำตาด้วยความดีใจไมอยู่ถึงกับร้องให้ออกมาด้วยความดีใจ และได้โผเข้ากอดสื่อมวลชนและกล่าวขอบคุณอย่างซึ้งใจ เนื่องจากต่อสู้ในเรื่องนี้มายาวนานนับปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image