เตือนภัย! ทอมมหาภัยตระเวนเช่ารถในเฟซบุ๊กส่งขายพม่า เนียนขับเที่ยวเหนือ ก่อนส่งข้ามแดน

เตือนภัย! ทอมมหาภัยตระเวนเช่ารถในเฟซบุ๊กส่งขายพม่า เนียนขับเที่ยวเหนือ ก่อนส่งข้ามแดนเจ้าของตามไถ่คืนกลับได้จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

วันที่ 3 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จาก น.ส.เกตสุดา(สงวนนามสกุล) อายุ 40 เป็นพนักงานออฟฟิตแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ลงประกาศทางเฟสบุ๊ค เพื่อปล่อยให้เช่ารถยนต์ของตัวเอง ในการหารายได้พิเศษเสริมอีกทาง ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ โดยเพิ่งจะเริ่มปล่อยให้เช่ารถยนต์ ได้เพียง 2เดือน ก็ยังไม่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาขอเช่ารถยนต์เลย

น.ส.เกตฯ เล่าต่ออีกว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 ที่ผ่านมา มีผู้หญิงลักษณะ คล้ายทอม ใช้บัญชีทางเฟสบุ้คว่า “Varinthorn Nam (น้ำตาทศกัณฐ์)” ทักเข้ามาทางอินบล็อค ส่วนตัวเพื่อขอติดต่อเช่ารถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ของตน โดยอ้างว่าจะนำรถยนต์ ไปขับท่องเที่ยว และกลับบ้านทางภาคเหนือ เพื่อดูที่ดิน พร้อมเพื่อนสาวเป็นเวลา 4วัน ตั้งแต่วันที่ 4-7 พ.ย.ที่ผ่านมา

ด้วยความที่ตนยังเป็นมือใหม่ในการหารายได้เสริมปล่อยให้เช่ารถ จึงได้ขอเพียงถ่ายบัตรประชาชน สาวทอมผู้เช่าคนดังกล่าวเอาไว้ พร้อมกับเข้าไปตรวจดูโปรไฟล์ ในชื่อเฟสบุ้คดังกล่าวพบว่า ทำงานเหมือนเป็นนายหน้า หรือตัวเเทน ทำธุรกิจหลายอย่าง ประกอบกับรถยนต์ของตนได้ติดตั้งระบบติดตาม GPS.อย่างดีเอาไว้แล้ว จึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหาใดเกิดขึ้น เพราะชื่อผู้มาติดต่อขอเช่ารถยนต์ก็มีที่อยู่ตามบัตรประชาชนเป็นคนทางภาคเหนือพอดีและรูปภาพตรงปก

Advertisement

โดยวันแรกได้ตรวจเช็คระบบ สัญญาณ GPS.ที่รถยนต์ได้ขับเดินทางวิ่งอยู่ พบว่าตั้งแต่วันที่ 4-7 พ.ย.ผู้เช่ารายนี้ตระเวณขับรถยนต์เช็คอินท่องเที่ยวตามร้านกาแฟ และ วัด ทางจังหวัดภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามปกติ กระทั่งจนถึงกำหนดต้องส่งรถยนต์กลับคืนตน ในวันที่ 7 พ.ย.ตนได้พยายามติดต่อผู้เช่าหลังจากที่ยังไม่มีการแจ้งกลับว่าจะทำการคืนรถยนต์ ซึ่งทางผู้เช่าได้โทรศัพท์ติดต่อกลับในเวลาต่อมา และอ้างว่าจะขอเช่ารถยนต์ต่อเนื่องอีก 3วัน เพื่อขับดูที่ดินแวะทำธุระที่จังหวัดตากก่อนล่องกลับลงมายังกรุงเทพฯ จนถึงวันที่ 10 พ.ย.64 ซึ่งตนเห็นว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะ ไว้ใจและโปรไฟล์มีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับได้ให้เงินไว้ก่อนแล้วจำนวน 5,000บาท จึงปล่อยให้เช่ารถยนต์ขับต่อไปอีก 3 วัน

กระทั่งมาติดใจสงสัยอีกครั้งจากการตรวจสอบสัญญาณ GPS.ของวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ารถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของตนโผล่จอดนิ่งสนิท อยู่บริเวณใกล้ริมแม่น้ำเมย ติดกับฝั่งประเทศเมียนมา ในช่วงเวลา 16.30น.ซึ่งประกอบกับ งานที่ออฟฟิตของตน กำลังยุ่งๆในช่วงเวลาดังกล่าว เลยพลาดการติดตาม ตรวจเช็ค สัญญาณของระบบ GPS.ซึ่งในช่วงเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ตรวจพบสัญญาณ GPS.รถยนต์ของตน ได้ข้ามแดนไปที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นจุดสุดท้ายที่พบระบบติดตามสัญญาณGPS.ได้ขาดหายไปเลย ตนจึงรีบโทรติดต่อกลับหาสาวทอมผู้เช่ารถยนต์ ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลยในขณะนี้
โดยตนรีบโทรศัพท์เข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าสองยางจ.ตาก พบผู้กองหนุ่ม ชื่อเล่น ไก่ ปฎิบัติหน้าที่อยู่ แจ้งเรื่องไว้ก่อน ว่ารถยนต์ของตนได้กำลังถูกลักลอบนำออก ข้ามฝั่งชายแดนไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านแล้ว โดยปลายสายเสียงของผู้กองหนุ่มตอบกลับมาว่า เชื่อมือผม พร้อมทั้งอ้างว่าผมรู้แล้วว่ารถยนต์ได้ถูกนำลงข้ามฝั่งไปตรงจุดไหน กำลังประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ กระทั่งได้แชทตอบไลน์กลับมาอีกครั้งว่าไม่สามารถติดตามรถยนต์กลับคืนมาได้แล้ว

ทั้งนี้ต่อมาได้ทราบจากแหล่งข่าวในพื้นที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ว่ารถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวคันดังกล่าวได้ถูกขาย ส่งต่อจากสาวทอม(ผู้เช่ารถ) ไปในราคาเพียง 80,000 บาท และมีอีกทีมหนึ่งซึ่งอยู่ที่บ้านพักรถในพิกัด GPS.สุดท้ายตามรูปในฝั่งไทย เป็นผู้นำรถยนต์ขับลำเลียงข้ามแดนไปยังฝั่งพม่าได้อย่างฉลุย ซึ่งราคาซื้อขายรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ ในประเทศเพื่อนบ้าน จะซื้อ-ขายกันพุ่งสูงถึง 100,000-400,000 บาท

ต่อมาตนจึงได้รีบเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น อย่างเร่งด่วน เพราะอยู่ในพื้นที่ตอน ส่งมอบรถยนต์ให้เช่ากันที่บริเวณ หน้าวัดเสมียนนารี คาดทำเป็นขบวนการใหญ่ มีทีมติดต่อเช่า มีทีมนำรถยนต์ข้ามฝั่ง นำรถยนต์ส่งข้ามแดนได้ตลอดเวลา แม้ด่านชายแดนจะยังคงปิดอยู่ในช่วงโควิด-19 ระบาดตามที่รัฐบาลประกาศอยู่ก็ตาม โดยอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของภาครัฐมีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องในขบวนการ ส่งรถขายข้ามแดน เรี่องนี้ด้วยหรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะสามารถนำรถยนต์ข้ามส่งออกได้อย่างง่ายดาย และทุกวันนี้สาวทอมผู้ก่อเหตุยังใช้ชีวิต กินหรู อยู่สบาย ได้ตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ขณะที่ตนเองเดือดร้อนลำบากต้องเดินทางติดตามประสานงานไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินไปไถ่รถยนต์ของตัวจากกลุ่มชายที่อ้างตัวว่าเป็นทหารเมียนม่าเองออกมาได้ ในราคาหลักหลายแสนบาท ซึ่งชายกลุ่มดังกล่าวก็ได้นำรถยนต์ลงแพขนานยนต์ ส่งกลับมาฝั่งไทยในพื้นที่ท่าเทียบเรือชายแดนไทยซึ่งอยู่ในเขตดูแลของทางเจ้าหน้าที่รัฐด้วย

จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางภาครัฐ อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม หรือศูนย์ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์(ศปจร.ตร.) และหน่วยเฉพาะกิจทหารตามแนวชายแดน ช่วยตรวจสอบกลุ่ม แก๊งค์ส่งขายรถยนต์ข้ามชาติ จับกุมตรวจสอบเส้นทางที่ขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งขายข้ามแดนในเรื่องนี้ให้ด้วย ทำไมนำรถยนต์ส่งออกขายข้ามแดนมันถึงง่ายมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image