อีกเพียงไม่กี่วันจะครบ 2 เดือน เหตุวินาศกรรมต่อเนื่อง ที่คนร้ายวางระเบิดแสวงเครื่อง ระเบิดเพลิง ในพื้นที่ภาคกลางต่อเนื่องภาคใต้ตอนบนรวม 7 จังหวัด ประกอบด้วย ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 สิงหาคม 2559 หลังการลงเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ 7 สิงหาคม เป็นเหตุให้ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งที่ 544/2559 ลงวันที่ 12 ส.ค.59 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนและเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้า รับผิดชอบการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
ล่าสุดวันที่ 4 ตุลาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อม พล.ต.ท.เดชา ชวยบุญชุม รรท.ที่ปรึกษา(สบ10) และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้เดินทางไปยัง จ.เพชรบุรี เพื่อเร่งเรัดและขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 15 จ.เพชรบุรี
รอง ผบ.ตร.เผยว่า วันนี้ได้เร่งรัดการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี จากการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานทางคดีมีพยานหลักฐานยืนยันและเชื่อได้ว่าคนร้ายที่ลงมือกระทำความผิดในคดีที่เกิดขึ้นใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับไปแล้วก่อนหน้านี้ ในข้อหามีและก่อเหตุระเบิด ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย 3 ราย คือ นายรุสลัน ใบมะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 5 ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา นายอัสมีน กาเต็มมาดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ซ.5 ถ.นาเกลือ ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี และ นายเสรี แวมามุ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 6 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ได้ก่อเหตุใน 4 จุดในพื้นที่ อ.หัวหิน ในวันที่ 11 สิงหาคม ต่อเนื่องวันที่ 12 สิงหาคม ประกอบด้วย
1.เหตุระเบิดบริเวณหน้าร้านจอนนี่ 56 ซ.เสละคาม ต.หัวหิน อ.หัวหิน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
2.เหตุระเบิดบริเวณหน้าร้านเรนทรี สปา ถ.พูลสุข ต.หัวหิน อ.หัวหิน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
3.เหตุระเบิดบริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ หอนาฬิกา ถ.แนบเคหาสน์ ต.หัวหิน อ.หัวหิน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
และ 4.เหตุระเบิดลูกที่ 2 บริเวณหอนาฬิกา ถ.แนบเคหาสน์ ต.หัวหิน อ.หัวหิน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
จากการสืบสวน สอบสวน ยืนยันด้วยพยานบุคคล พยานวัตถุ ด้วยหลักนิติวิทยาศาสตร์ คณะพนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายข้างต้น คือ นายรุสลัน นายอัสมีน และนายเสรี ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตาย ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น ร่วมกันมีและใช้วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และเป็นอั้งยี่”
ทั้งนี้หลังจากศาลมณฑลทหารบกที่ 15 ใช้เวลาพิจารณากว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.อ.ศรีวราห์เผยว่า ศาลมณฑลทหารบกที่ 15 อนุมัติให้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในข้อหาที่แจ้งไป ทั้งนี้มั่นใจในพยานหลักฐานหนักแน่นเพียงพอ ศาลจึงอนุมัติหมายจับตามคำร้องของพนักงานสอบสวน โดยในพื้นที่หัวหินยังเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล อย่างไรก็ตามขณะนี้ทหารได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุในพื้นที่ภูเก็ตมาสอบสวนเพิ่มเติม 1 คน เบื้องต้นให้การรับสารภาพ แต่ยังอยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลจึงไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ นอกจากนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุระเบิดและลอบวางเพลิงในพื้นที่ จ.กระบี่อย่างน้อย 1 คน หลังสอบปากคำพยานและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยคาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้เร็วๆ นี้
สำหรับผู้กระทำความผิดหรือคนร้ายที่ยังหลบหนี เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี และได้เพิ่มความเข้มในมาตรการป้องกันเหตุ จึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้วิตกกังวลและใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งนี้ หากมีข้อมูลหรือเบาะแสคนร้าย ขอความร่วมมือแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ได้ทั้งที่สถานีตำรวจ, ตำรวจภูธรจังหวัด, ตำรวจภูธรภาค หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อวินาศกรรมในพื้นที่ 7 จังหวัด ที่ศาลทหารได้อนุมัติหมายจับไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย 1.นายอาหามะ เลงฮะ (จ.ภูเก็ต) 2.นายรุสลัน ใบมะ (จ.ประจวบคีรีขันธ์) 3.นายอัสมีน กาเต็มมาดี (จ.ประจวบคีรีขันธ์) 4.นายฮากีม ดอเลาะ (จ.นครศรีธรรมราช) 5.นายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ (จ.ตรัง) (จับกุมแล้ว) 6.นายเสรี แวมามุ (จ.ประจวบคีรีขันธ์) 7.นายซูกีมัน กูบารู (จ.พังงา) 8.นายมูฮำหมัด มูฮิ (จ.ภูเก็ต) 9.นายยูโซะ แมะตีเมาะ (จ.ภูเก็ต)
ข้อมูลการสืบสวนสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับ เคยก่อเหตุไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่บางรายก่อเหคุคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อต้นปี 2558 ถูกออกหมายจับและหลบหนี บางรายหลังก่อเหตุที่ 7 จังหวัดยังกลับไปก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดซ้ำอีก เช่น นายฮากีม ดอเลาะ ซึ่งก่อเหตุวางระเบิดเพลิงที่ห้างเทสโก้โลตัส จ.นครศรีธรรมราช เสร็จแล้วไปก่อเหคุคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมเซาท์เทิร์นวิว จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย หรือนายซูกีมัน ที่มีข้อมูลก่อเหตุคาร์บอบม์ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อต้นปี และครั้งนี้ก่อเหตุที่เขาหลัก จ.พังงา เสร็จแล้วยังก่อเหตุนำขนมที่ปล้นจาก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่บริเวณบ้านพัก ผกก.สภ.แว้ง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้จับกุม คุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ได้แล้ว 2 รายคือ นายฮากีม ดอเลาะ และนายมูฮัมหมัด มูฮิ แต่อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระดับใดออกมาให้ความชัดเจนถึงมูลเหตุวินาศกรรมครั้งนี้ รวมทั้งความสัมพันธ์กับเหตุไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่ฝ่ายตำรวจยังคงขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งมีภูมิลำเนา และประวัติการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง!!
