เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. และพ.อ.อุดม แก้วมหา รองผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ร่วมกันนำกำลังตำรวจ-ทหารเข้าตรวจค้นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เลขที่ 102/304 ซอยคู้บอน 27 แยกย่อย 10-2 หมู่บ้านเสนาวิลล่า 3 ซอย 8 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ พร้อมกับจับกุมตัวนายทศพล ฝั่งสินธุ์ อายุ 31 ปี 125/2377 หมู่ 3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจค้น พบของกลางเป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์แบบออโตเมติก 1 กระบอก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์แบบลูกโม่ 1 กระบอก ส่วนประกอบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์แบบปืนปากกา พร้อมเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมาก สว่านแท่น เครื่องเจียเหล็ก และอุปกรณ์การผลิตอีกหลายรายการ
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้ไปซื้อปืนบีบีกันที่เป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนแล้วนำมาดัดแปลงโดยการไปซื้อลำกล้องลูกโม่และเข็มแทงชนวนทางอินเตอร์เน็ต พอได้สิ่งเหล่านี้มาก็นำมาประกอบเข้ากันกับปืนบีบีกัน จนเป็นอาวุธปืนที่ใช้กระสุนจริงได้ ซึ่งกำลังตรวจสอบขยายผลถึงแหล่งที่มา
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นทราบว่าทำเพียงคนเดียว หลังจากประกอบตัวปืนเสร็จแล้วก็จะมีการทดลองโดยมีอุปกรณ์สำหรับทดลองปืน ทำเป็นถังขึ้นมา ภายในจะใส่ผ้านวมหรือวัสดุเก็บเสียง หากปืนสามารถใช้ได้ก็จะส่งไปยังลูกค้าทางไปรษณีย์ โดยจะใช้ชื่อปลอมในการส่งเนื่องจากเป็นของผิดกฎหมาย ถ้าไม่มีการตรวจสอบบัตรประจำตัวก็สามารถส่งได้อย่างง่ายดาย จึงฝากไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนให้คนร้ายกระทำผิด
จากการสอบถามนายทศพล ให้การยอมรับว่าไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ที่ผ่านมาตนศึกษาการทำปืนและประกอบปืนมาจากอินเตอร์เน็ต ส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ก็หาซื้อมาจากอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะมีกลุ่มเฉพาะที่ขายอยู่ เมื่อประกอบเสร็จก็จะนำมาทดสอบก่อนนำมาโพสต์ลงขายในเฟซบุ๊กชื่อ “ขุนพล สำรองหนึ่ง” ในราคากระบอกละ 7,000-15,000 บาท เมื่อตกลงกันได้ก็จะส่งมอบให้ลูกค้าทางไปรษณีย์ ซึ่งบางรายสามารถมาทดสอบยิงเองได้ด้วย ส่วนใหญ่จะประกอบเฉพาะขนาด .38 และ .32 เท่านั้น โดยทำมาแล้วประมาณ 1 ปี และขายออกไปแล้ว 40 กระบอก
