ญาติร้องสื่อ ถูกรถตำรวจชนเสียชีวิตไม่ได้รับความเป็นธรรม ตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความ เดินหน้าขอทนายอาสาและขอเปลี่ยนเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนชุดใหม่ เตรียมร้องผู้ว่าฯ ตำรวจภาค 3 หาความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต
จากกรณีที่รถตู้ตำรวจออกปฏิบัติงานชนกับรถจักรยานยนต์ ทำให้ผู้ขับขี่ จยย.เสียชีวิตคาที่ ญาติผู้ตายแห่ร้องตำรวจ อ้างหมกเม็ดทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไม่ได้รับความเป็นธรรม แถมยังโดนข่มขู่ ญาติผู้ตายเดินหน้าสู้ ขอทนายอาสาเตรียมร้อง ผวจ.อำนาจเจริญ และตำรวจภาค 3 เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย
เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 น.ส.ลัดดา สุรารักษ์ กล่าวเปิดใจว่า วันนี้ทางญาติไปแจ้งความเวลา 17.00 น. แต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความ ตำรวจได้พูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่าคดีก็นานแล้ว ยังไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจอีกเหรอ ลงบันทึกประจำวันแล้วก็เหมือนแจ้งความ และทางตำรวจก็ไปตรวจที่เกิดเหตุแล้ว นี่ก็เท่ากับว่าแจ้งความแล้ว จราจรเป็นคนชนและทางญาติเป็นพยานคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่ผมไม่อยากรับแจ้ง ทางญาติก็เลยเดินออกมาเพราะตำรวจพูดไม่ดี
หลังจากที่ทางเราได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กไปนั้นก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และทีมงานนักข่าวหลายช่องและเพจต่างๆ สนใจข่าวนี้ และช่วยกันแชร์ ทางเราก็ขอขอบคุณทุกท่านและข่าวทุกช่องทุกเพจที่สนใจข่าวนี้ เพราะที่โพสต์ไปนั้นหลังจากทางเราได้ไปตามที่ตำรวจนัดไกล่เกลี่ยรอบสองที่ สภ.ปทุมราชวงศา วันที่ 17 ม.ค.65 คือวันนัดไกล่เกลี่ยอีกรอบ ร้อยเวรก็ได้พูดสำนวนซึ่งมีทางญาติผู้เสียชีวิตและก็มีนายตำรวจอีก 2 ท่านนั่งฟังด้วย
ในห้องไกล่เกลี่ย ร้อยเวรได้อ่านสำนวนว่าผู้ตายขับรถมอเตอร์ไซค์ ไฟหน้ารถก็ไม่มี ขับข้ามเลนไปชนรถตู้ตำรวจที่วิ่งมา (จากทางอำนาจ-ปทุมราช) ซึ่งเป็นรถตู้ตำรวจคู่กรณี ทำให้เสียชีวิตคาที่ ทางญาติติดใจตรงที่ว่าข้ามไปชนรถตู้ แต่ขณะเดียวกันศพพี่ชายนอนตายอยู่ในเลนของตนเอง และมอเตอร์ไซค์ก็อยู่ไม่ห่างจากศพ และรถตู้ทำไมถึงเสียหลักลงข้างทางเลนของคนตาย อันนี้คือในความคิดของหนู ถ้าคนตายข้ามเลนไปชนรถตู้ ถ้าเป็นหนูจะหักพวงมาลัยออกข้างทางฝั่งซ้ายมือรถตู้ แต่นี่รถตู้กลับเสียหลักลงข้างทางฝั่งขวามือ คือทางฝั่งผู้เสียชีวิต
เท่ากับพี่ชายหนูเป็นคนผิดงั้นเหรอ ทั้งที่สภาพที่นอนตายในเลนตัวเองไม่ห่างมอเตอร์ไซค์ ญาติคิดว่าคดีนี้ไม่เป็นธรรม ตำรวจบอกว่าคนตายเป็นคนผิด ขับรถไม่มีไฟ ขับข้ามเลนไปชนรถตู้เสียชีวิตเอง เท่ากับโยนความผิดให้คนตาย เพราะคนตายลุกขึ้นมาพูดหรือต่อสู้หาความเป็นธรรมให้ตัวเองไม่ได้เพราะตายไปแล้ว คนตายพูดไม่ได้และศพก็โดนเผาไปแล้ว ก่อนจะเผาศพทางญาติได้โทรตามตำรวจที่ขับรถชนและผู้กำกับ พร้อมนายตำรวจอีกหลายนาย และ ร.ต.ธงชัย ขมิ้นทอง คือนายตำรวจที่แสดงตัวว่าเป็นคนขับรถตู้คันที่ชน และได้ยอมรับว่าขับรถชนผู้ตายจริง และได้ร่วมทำบุญเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
และได้ลงบันทึกนัดวันไกล่เกลี่ยเป็นวันที่ 5 ม.ค.65 มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน ต่อมาทางญาติก็เลยได้ทำการเผาศพเพราะทางญาติเชื่อว่าตำรวจรับผิดชอบคดีนี้ และที่ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กและโพสต์ไปที่ฮักนะอำนาจเจริญ เพราะต้องการความเป็นธรรมให้ผู้ตายและบุตรสองคนที่เสียพ่อไป เพราะคนตายเป็นคนหาเงินส่งเสียบุตรทั้งสอง และยังหาเงินจุนเจือครอบครัวด้วย ต่อไปชีวิตน้องไม่มีพ่อน้องก็อยู่กับปู่และย่า ปู่ก็มีโรคประจำตัวโรคเบาหวาน ความดัน ย่าก็แก่ จะทำงานหาเงินคงไม่ไหว พ่อก็เสียชีวิต แถมยังไม่ได้รับความเป็นธรรมอีกต่างหาก หนูผู้เป็นน้องสาวผู้ตายก็เลยได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กให้พี่ๆ น้องๆ เพจต่างๆ ช่วยกันแชร์ในขณะนั้นเอง
ในตอนนั้นกลัวพี่ชายที่ตาย หลานสาวและครอบครัวเรากลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวพี่ชายตายฟรี และด้วยความที่พ่อได้ยินตำรวจที่ชนพูดว่าผมขับรถให้นาย ก็เลยคิดว่าผู้กำกับต้องนั่งในรถคันนั้นเลยได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กไปว่ามีผู้กำกับนั่งอยู่ในรถตู้คันนั้น ทั้งกลัวด้วย เพราะกว่าทางญาติจะทราบเรื่องและกว่าทางญาติจะไปถึงที่เกิดเหตุเวลามันก็ผ่านไปนานแล้ว เพราะตอนพ่อและน้าผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุตำรวจได้ยกรถมอเตอร์ไซค์ผู้ตายขึ้นรถและจะนำรถมอเตอร์ไซค์ไปที่โรงพัก และที่หนูโพสต์ว่ามีผู้กำกับนั่งอยู่ในรถตู้คันนั้นด้วยไม่ได้มีเจตนาอะไร แต่คิดว่าตำรวจน่าจะช่วยกัน เพราะมันเป็นกรณีที่รถตู้ตำรวจชนกับญาติเรา ก็กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม และทางญาติซึ่งเป็นคุณพ่อได้เสนอข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้ ทางพ่อแม่ผู้ตายขอเรียกร้องค่าเสียหายตามกฎหมายที่ทำให้ลูกชายเสียชีวิต, ขาดผู้อุปการะที่ต้องเลี้ยงดูลูก 2 คน จนกว่าบรรลุนิติภาวะ รวมสัญญาเรียกร้องเป็นเงิน จำนวน 1,500,000 บาท
ทางด้าน พ.ต.อ.นิติธร แสงย้อย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอปทุมราชวงศา กล่าวว่า ตนติดต่อขอไกล่เกลี่ยแล้ว และยังตกลงกันไม่ได้ ทางญาติๆ ผู้เสียชีวิตอยากจะได้เงิน จำนวน 1.5 ล้านบาท และทางตนจ่ายให้ 6 หมื่นบาทแล้ว ขึ้นอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ส่วนเรื่องคดีนั้นตนจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา หากทางญาติผู้เสียชีวิตต้องการจะเจรจาอีกผมก็ไม่ขัดข้อง ให้ทางนั้นขอมา
