รุดช่วยเยาวชนไทยพ้นแก๊งค้ามนุษย์ในเขมร เผยถูกทรมานบังคับหลอกคนไทย ขัดขืนถูกซ้อมจนตาย

ทีมสายไหมต้องรอด รุดลงพื้นที่ จ.สระแก้ว กลางดึก ช่วยเยาวชนไทยพ้นเงื้อมมือแก๊งค้ามนุษย์ในกัมพูชา ถูกทรมานบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย หากขัดขืนจะถูกซ้อมทรมานถึงตาย บางรายถูกแก๊งค้ามนุษย์ชาวจีนขายต่อไปเป็นทอดๆ เยี่ยงสัตว์ หากเป็นผู้หญิงจะถูกขายต่อไปที่ซ่องนรก ถูกบังคับให้รับแขกทั้งวันทั้งคืน หลังแม่ลูกพบหน้ากัน สวมกอดกันทั้งน้ำตา หลังสามารถข้ามแดนมายังฝั่งไทยได้ พบข้อมูลมีเหยื่อคนไทยอีกกว่า 100 คน ถูกขังอยู่ที่อาคารแห่งหนึ่งในปอยเปต

เมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังทีมสายไหมต้องรอด เพจดังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เพื่อช่วยเยาวชนไทยพ้นเงื้อมมือแก๊งค้ามนุษย์ในกัมพูชา ถูกทรมานบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย กลางดึกคืนวันที่ 24 ม.ค.65 โดยมีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานได้เดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อช่วยเหลือเด็กชายอายุ 18 ปี ลูกบ้านในซอยพหลโยธิน 52 เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร หลังถูกหลอกไปทำงานในบ่อนพนันที่ประเทศกัมพูชา สุดท้ายถูกทรมานบังคับให้ทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกคนไทย โดยมีนายหน้าชาวไทยร่วมขบวนการด้วย

นายเอกภพกล่าวว่า เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ตนได้รับการร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก นางเอ (นามสมมุติ) ลูกบ้านซอยพหลโยธิน 52 เขตสายไหมว่า นายบี (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี บุตรชายถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกพาไปทำงานในประเทศกัมพูชา ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือมาว่า ตอนนี้ถูกซ้อมทรมานและบังคับให้ทำงานในบริษัทแอพพ์เงินกู้เถื่อนของแก๊งค้ามนุษย์ชาวจีน โดยคนไทยที่ถูกหลอกมาทั้งหมดจะถูกบังคับให้ทำงานหลอกลวงคนไทยด้วยกันเอง หากใครไม่ทำจะถูกซ้อมทรมานจนถึงแก่ความตาย บางรายถูกแก๊งค้ามนุษย์ชาวจีนขายต่อไปเป็นทอดๆ เยี่ยงสัตว์ หากเป็นผู้หญิงจะถูกขายต่อไปที่ซ่องนรก ถูกบังคับให้รับแขกทั้งวันทั้งคืน

ภายหลังรับแจ้ง นายเอกภพได้ประสานไปยังกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตไทยในกัมพูชา เพื่อขอให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าช่วยเหลือเหยื่อโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้ ยังได้พยายามติดต่อกับนายบี เหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ จนสามารถติดต่อได้ ทำให้ทราบว่านายบีถูกหลอกมาทำงานตั้งแต่กลางเดือนกันยายน 2564 โดยเดินทางจากประเทศไทยเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ มีนายหน้าชาวไทยเป็นคนติดต่อพามาส่งให้แก๊งค้ามนุษย์มาเฟียชาวจีนที่ประเทศกัมพูชา ขณะนี้ถูกขังอยู่ที่อาคารแห่งหนึ่งในปอยเปต ร่วมกับเหยื่อคนไทยอีกกว่า 100 คน โดยอาคารดังกล่าวจะมีแก๊งมาเฟียค้ามนุษย์ชาวจีนเป็นคนคุม คนไทยทั้งหมดจะถูกบังคับให้ทำงานในลักษณะคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่เป็นตัวละคนต่างๆ เช่น ตำรวจ อัยการ ทนายความ จนท.กรมสอบสวนคดีพิเศษ จนท.ป.ป.ส. ฯลฯ ทำหน้าที่หลอกลวงชักจูงคนไทยให้หลงเชื่อในกลโกงต่างๆ ที่แก๊งชาวจีนเป็นคนคิดกลอุบายขึ้น มีคนไทยถูกหลอกจนหมดตัวมาแล้วเป็นจำนวนมาก

Advertisement

ทั้งนี้ นอกจากกลอุบายหลอกเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว ยังมีขบวนการเว็บปล่อยเงินกู้ แอพพลิเคชั่นปล่อยเงินกู้ ที่หลอกคนไทยให้เข้าไปลงทะเบียน เพื่อทำเรื่องกู้ยืมเงิน สุดท้ายจะถูกหลอกให้มีการโอนเงินค้ำประกัน โอนเงินสร้างเครดิต เช่น หากต้องการจะกู้เงิน 300,000 บาท เหยื่อจะถูกหลอกให้โอนเงินค้ำประกันจำนวน 30,000 บาทไปก่อนเพื่อค้ำประกันวงเงิน เมื่อเหยื่อโอนไปแล้ว แก๊งมิจฉาชีพจะออกอุบายว่า กำลังจะโอนเงิน 300,000 มาให้ แต่เครดิตเหยื่อไม่ดี ต้องโอนเงินมาสร้างเครดิตเพิ่มอีก 30,000 บาท ถึงจะได้เงิน 300,000 บาท เมื่อเหยื่อยอมโอนเงินมาให้ แก๊งมิจฉาชีพก็จะอ้างเรื่องอื่นๆ เพื่อให้หาเงินโอนมาอีก จนเหยื่อหมดตัว

โดยเหตุการณ์ที่นายบีสะเทือนใจที่สุดคือ มีชายไทยคนหนึ่งพักอาศัยอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี ติดต่อเข้ามาเพื่อขอกู้เงินจำนวน 235,000 บาท เพื่อจะนำเงินพาแม่ไปผ่าตัดรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยมีค่าใช้จ่ายในการรักษาประมาณ 300,000 บาท แต่ชายไทยคนดังกล่าวแจ้งว่า มีเงินติดตัวอยู่ 65,000 บาท จึงขอกู้เงินแค่ 235,000 บาท เพื่อจะนำไปรักษาแม่ที่ป่วย แต่กลับถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินไปค้ำประกันจนหมดตัว เมื่อชายไทยคนดังกล่าวรู้ว่าถูกหลอก จึงได้โทรวิดีโอคอลมาหาแก๊งมิจฉาชีพชาวจีน เพื่อขอคืนเงิน เนื่องจากเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่จะต้องนำไปรักษาแม่ที่ป่วย แต่ถูกแก๊งมิจฉาชีพปฏิเสธ พร้อมด่าทอว่า โง่ ต่างๆ นานา สุดท้ายชายไทยคนดังกล่าวได้หยิบอาวุธปืนขึ้นมา แล้วจอยิงที่ขมับตัวเอง ขณะที่ยังคุยวิดีโอคอลอยู่ต่อหน้าแก๊งมิจฉาชีพ ซึ่งทุกเหตุการณ์นายบีได้อยู่และเห็นเหตุการณ์ด้วยทั้งหมด หลังจากเกิดเหตุ นายบีปฏิเสธการทำงานในลักษณะดังกล่าวนี้อีก จึงถูกแก๊งค้ามนุษย์ชาวจีนเตรียมขายส่งไปยังเมืองสีหนุวิลล์ ช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งคนไทยที่นั้นรู้ดีว่าใครก็ตามที่ถูกขายไปที่เมืองสีหนุวิลล์ โอกาสที่จะรอดชีวิตกลับมามีน้อยมาก

นายเอกภพกล่าวต่อว่า จากนั้นนายบีได้ติดต่อมาที่ตน โดยแจ้งว่าวันนี้มีตำรวจกัมพูชาเดินทางมาอาคารที่ตนถูกขังอยู่ โดยคาดว่าตำรวจน่าจะมาตรวจสอบตามที่ตนแจ้งข้อมูลไว้กับทางกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูตไทยทราบ โดยนายบีแจ้งว่าหลังจากตำรวจกัมพูชามาสอบถามอยู่ครู่หนึ่งก็ได้เดินทางกลับออกไป จากนั้นคนคุมชาวจีนได้เดินขึ้นมายึดเอกสารต่างๆ ของนายบี โดยนายบีได้ยินคนจีนคุยกับนายหน้าว่าต้องรีบขายนายบีออกไป นายบีจึงต้องรีบหลบหนีออกมาจากอาคารดังกล่าวโดยเร็วเนื่องจากหากช้ากว่านี้กลัวจะถูกขายไปยังเมืองสีหนุวิลล์ จนกระทั่งปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายบีได้หลบหนีออกมาจากอาคารดังกล่าวโดยทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าและทรัพย์สินต่างๆ ไว้ที่ห้องทั้งหมด ไม่สามารถนำติดตัวออกมาได้ โดยก่อนจะหลบหนี นายบีได้ส่งข้อความมาหาตนว่า “หากหนีออกมาแล้วถูกจับได้ผมคงถูกซ้อมจนตาย ถ้าผมไม่รอดกลับไป ฝากพี่ดูแลครอบครัวผมด้วยนะครับ”

Advertisement

จากนั้นนายบีได้ติดต่อกับเพื่อนชาวกัมพูชา ให้ช่วยพาข้ามช่องทางธรรมชาติ เพื่อหลบหนีกลับมายังประเทศไทย เนื่องจากช่องทางปกติที่ผ่านด่าน ตม. จะถูกแก๊งค้ามนุษย์ชาวกัมพูชาเฝ้าไว้ทั้งหมด ก่อนหน้านี้เคยมีคนไทยหลบหนีออกมา แต่ถูกตำรวจกัมพูชาจับตัวได้และนำมาส่งให้กับแก๊งค้ามนุษย์ชาวกัมพูชา ทำให้คนไทยคนดังกล่าวถูกทำร้ายอย่างทารุณและถูกขายไปเมืองสีหนุวิลล์ ทำให้นายบีไม่กล้าข้ามช่องทางปกติดังกล่าว จากนั้นนายบีได้มาหลบอยู่ที่ชายแดนเป็นเวลา 2 คืน

เมื่อได้เวลา นายบีได้เดินลัดเลาะป่าข้ามช่องทางธรรมชาติมาตามแนวชายแดนจนมาถึงฝั่งไทยในเวลาประมาณ ตี 2 โดยทีมสายไหมต้องรอด ได้เดินทางไปรับตัวนายบี พร้อมกับนางเอ มารดา ที่ฝั่งไทยในพื้นที่อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งทันทีที่นายบีเดินออกมาจากแนวป่า นางเอได้เดินเข้าไปสวมกอดบุตรชายทั้งน้ำตา จากนั้นทีมสายไหมต้องรอดได้ตรวจ ATK นายบี เบื้องต้นผลเป็นลบ และพากลับมาที่กรุงเทพมหานคร แล้วพาไปตรวจ RT-PCR ที่ รพ.สินแพทย์ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผลออกมาเป็นลบ เช่นกัน

โดยในเช้าวันที่ 25 ม.ค.65 เวลาประมาณ 10.00 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน ได้พานายบีเดินทางไปยังกระทรวงยุติธรรม เพื่อเข้าพบว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นเรื่องขอรับการคุ้มครองพยาน เนื่องจากถูกข่มขู่จากแก๊งค้ามนุษย์ชาวจีนว่า ถ้าหากเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งค้ามนุษย์จะส่งคนตามมาทำร้าย โดยหลังจากยื่นเรื่องคุ้มครองพยานแล้ว นายบีได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นธุระจัดหาเหยื่อและหลอกไปค้ามนุษย์ทั้งหมด พร้อมเปิดเผยพฤติกรรมการโกงของแก๊งมิจฉาชีพชาวจีนทั้งหมด เพื่อไม่ให้คนไทยต้องตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทย ชาวสายไหม กรุงเทพมหานคร โดยทีมเพจสายไหมต้องรอดในพื้นที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีดังกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่าไม่มีข้อมูลการช่วยเหลือดังกล่าว นอกจากนั้น หน่วยงานอื่นๆ อาทิ ตม.สระแก้ว และฝ่ายปกครอง จ.สระแก้ว ก็ไม่มีข้อมูลการเข้าช่วยเหลือคนไทยดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในขั้นตอนปกติการเข้าช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์หรือถูกหลอกลวงไปทำงานยังฝั่งประเทศกัมพูชาที่ผ่านมา เมื่อได้รับการช่วยเหลือกลับมาแล้ว จะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการสาธารณสุขในพื้นที่ จ.สระแก้ว หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพจะเข้าสอบปากคำข้อมูลเส้นทางและกระบวนการต่างๆ ว่า เข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image