อัยการนนทบุรีไม่สั่งฟ้องกระติกด้วยวาจา พร้อมคืนตัว ให้ ตร.สอบสวนให้เสร็จ ค่อยส่งกลับ ชี้ เป็นคดีที่สังคมสนใจหวั่นเกิดความเสียหายต่อคดีใหญ่
กระติก พร้อม สิระ พ่อ ทนายความ เดินทางมาอัยการนนทบุรี อัยการไม่สั่งฟ้องด้วยวาจา เพราะเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ คืนตัวกระติกพร้อมคำรับสารภาพ ให้ไปสอบสวนให้เสร็จสิ้น คลิป
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 เมษายน ที่สำนักงานอัยการ นนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัว น.ส.นิดา หรือแตงโมพลัดตกเรือเสียชีวิต ได้เดินทางมาพร้อมนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ นายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล พ่อของกระติก และนายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ทนายความ เดินทางมาตามที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรีนัดหมาย ว่าจะส่งให้พนักงานอัยการฟ้องต่อศาลแขวงนนทบุรี ในวันนี้ในข้อหาให้การเท็จ
นายสิระ กล่าวว่า ขั้นตอนก็คือพนักงานสอบสวนนำตัวกระติกมาส่งให้พนักงานอัยการ เพื่อสั่งฟ้องต่อศาลในวันนี้เลย โดยส่วนตัวได้เตรียมเงินสดมาไว้เผื่อประกันตัวกระติก ในส่วนของคดีกระติกก็ให้การรับสารภาพ ส่วนรายละเอียดอยู่ในสำนวน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีแน่นอน ก็ขอบอก 4 คนที่เหลือให้ปรึกษานักกฎหมายให้คำแนะนำที่ถูกต้องก็คงจะมีผล ก็อยากแนะนำทั้ง 4 คน บอกความจริงอะไรที่ยังไม่พูดก็มาพบได้ตลอดเวลา
กระติก กล่าวว่า ก็ใช้ชีวิตปกติ เพราะปกติไม่เคยอยู่วงการบันเทิงแต่อยู่เบื้องหลังมาโดยตลอดอยู่แล้ว จากการที่ได้เจอจ๊อบเมื่อวานนี้ในห้องสอบสวนไม่ได้คุยอะไรกัน แค่บอกว่าอย่าเปิดหน้ากากเพราะกลัวติดโควิด หลังจากคดีนี้ความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในกลุ่มบนเรือก็เหมือนเดิม ใครที่เคยคุยก็คุยเหมือนเดิม ใครไม่ได้เจอเธอเหมือนเดิม
กระติก กล่าวว่า ส่วน 4 คนก็มีการโทรมาประสานบ้าง ก็พูดความจริงปกติ ทุกคนก็รู้ว่าความจริงคืออะไร ทุกคนก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผย วันนี้ต้องไปคุยกับศาลแล้ว ส่วนคดีความก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร หลังจากได้พูดความจริงไปแล้วก็รู้สึกโล่งเพราะมันไม่มีอะไรแล้วไม่มีอะไรจะต่อแล้ว ส่วนที่ไม่ได้พูดตั้งแต่แรกก็อย่างที่บอก อะไรนึกได้ก็พูด ส่วนที่ช้าเพราะลองไปโดนแบบหนูไหม คนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้จะไม่เข้าใจ และก็ยังยืนยันตั้งแต่แรกว่าไม่เห็นแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ ตามคำให้การ ที่บอกว่ามีคนอื่นเป็นคนเห็น แซนเป็นคนเห็น หลายๆ เรื่องไม่ขอตอบที่จะต้องมาชี้แจงทุกเรื่องเพราะให้การไปหมดแล้ว
นายวิวัฒน์ ทนายความ กล่าวว่า เราก็มาดูแลกระติกที่ให้การรับสารภาพตามที่พนักงานสอบสวนกล่าวหาว่าให้การเท็จ นำตัวมาส่งพนักงานอัยการ เพื่อพนักงานอัยการนำตัวไปฟ้องต่อศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี หลังจากอัยการฟ้องกระติกก็ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งตามคำให้การกระติกรับสารภาพมาตลอด ก็อยู่ที่ศาลจะเมตตาลงโทษสถานใด ก็รอ
นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงนนทบุรี ได้รับคดีบันทึกคำรับสารภาพของผู้ต้องหา จากสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ระวัง พ.ต.ท.สมุทร เกตุยา ผู้กล่าวหากับ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้ต้องหาในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เกี่ยวกับความผิดทางอาญา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 19.00 น. ที่ สภ.เมืองนนทบุรี ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เมื่อเป็นคดีที่ผู้ต้องหารับสารภาพแล้วเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวง พนักงานสอบสวนก็เลยส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาเพื่อฟ้อง ภาษากฎหมายเรียกว่าฟ้องวาจา
นายอิทธิพร กล่าวว่า เมื่อพนักงานอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงนนทบุรี ได้รับสำนวนนี้แล้ว จะได้มีงานประชุมร่วมกันกับอัยการจังหวัดนนทบุรี และอัยการหมวดนนทบุรีหลายๆ ท่าน เมื่อประชุมร่วมกันแล้วพนักงานอัยการเห็นว่า คดีนี้พนักงานอัยการเห็นว่า แม้ว่าพนักงานสอบสวนจะมีอำนาจนำตัวผู้ต้องหามาให้พนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาล โดยไม่ต้องสอบสวนและให้ฟ้องด้วยวาจา ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาคดีอาญา ในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20 ก็ตาม
นายอิทธิพร กล่าวว่า แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่สำคัญที่ประชาชน สื่อมวลชน ตลอดจนสังคมให้ความสนใจ เนื่องจากคดีนี้เป็นการกล่าวหาผู้ต้องหาจากการให้การของผู้ต้องหา ที่ให้การกับพนักงานสอบสวนสืบเนื่องจากการเสียชีวิตของนางสาวนิดา หรือแตงโม ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริง เพื่อสังคมรับทราบจากการนำเสนอข่าวสื่อมวลชน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต และข้อหาอื่นกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ อีกหลายคน
นายอิทธิพร กล่าวว่า ในชั้นนี้สำนักงานอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงนนทบุรี ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงคดีอันเป็นคดีหลัก คือคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม เป็นคดีเอกภาพ หรืออาจมีความเกี่ยวพันกับคดีหลักที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบสวนอยู่ในขณะนี้นั้นเพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคดีนี้มันมีข้อเท็จจริงที่ยุ่งยากและสลับซับซ้อน ซึ่งตามหนังสือสั่งการของสำนักงานอัยการสูงสุดตั้งแต่ปี 2544 ได้กำหนดการวางแนวทางปฏิบัติไว้ เป็นกรณีในลักษณะเช่นนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ แต่พนักงานอัยการจะไม่ยื่นฟ้องตามบันทึกคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหา โดยไม่คืนตัวผู้ต้องหาพร้อมบันทึกคำรับสารภาพให้พนักงานสอบสวน ไปทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้น ตามกระบวนการสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเสียก่อน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วให้ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป
นายอิทธิพร กล่าวว่า ดังนั้นในวันนี้สำนักงานอัยการคดีศาลแขวง จึงมีคำสั่งให้คืนตัว น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก พร้อมบันทึกคำให้การรับสารภาพให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ไปทำการสอบสวนต่อไป คือให้กลับไปทำการสอบสวนให้เต็มรูปแบบ แล้วค่อยส่งคืนมาให้พนักงานอัยการ
นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปกติแล้วถ้าเป็นกรณีผู้ต้องหาให้การรับสารภาพและเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของพนักงานอัยการคดีศาลแขวง โดยทั่วไปถ้าไม่ยุ่งยากซับซ้อน เราก็จะยื่นฟ้องวาจาส่งต่อศาลได้ทันทีภายใน 48 ชั่วโมง ตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่เรื่องนี้เป็นกรณีที่พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน ตลอดจนสังคมได้ติดตามข่าวสารมาเป็นระยะ การให้การที่ถูกกล่าวหาว่าให้การเท็จครั้งนี้ สืบเนื่องจากการเสียชีวิตของแตงโม ดังนั้นคดีหลักมันอยู่ในข่ายคดีเอกภาพ ตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญา 2564 ข้อเท็จจริงในชั้นนี้ยังไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ ที่พนักงานอัยการไปรู้ข้อเท็จจริง ในส่วนอื่นที่จะทำให้การพิจารณาคดีเป็นตัวอย่างถี่ถ้วนรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเคยมีหนังสือเวียนสั่งการจากสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าหากมีการบันทึกฟ้องวาจาแต่หากเป็นคดียุ่งยากซับซ้อนไม่จำเป็นต้องฟ้องวาจาต่อศาลทันที จะให้ร้อยสำนวนกลับไปสอบสวนให้เสร็จสิ้น
นายประยุทธ กล่าวว่า หนังสือเวียนดังกล่าวสืบเนื่องจากเคยมีคดีบันทึกฟ้องวาจา ส่งพนักงานอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายตาม ป.อาญา 295 ซึ่งฟ้องไปรับสารภาพศาลตัดสินจำคุกรอ จากนั้นคนถูกทำร้ายพิการเป็นบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถที่จะฟ้องได้อีก เพราะกลายเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
นายประยุทธ กล่าวอีกว่า สำนวนคดีนี้แม้จะเป็นการฟ้องด้วยวาจาได้แต่เมื่อฟ้องแล้ว วันนี้มันมีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อความยุติธรรม ตรงนี้ต่างหากที่เราห่วง สมมุติว่าจำเลยให้การรับสารภาพ คำตัดสินของศาลที่เสร็จเด็ดขาด หากปรากฏข้อเท็จจริงใหม่มันไม่สามารถที่จะรื้อฟ้องร้องได้อีก เพราะมันเป็นการฟ้องซ้ำ นี่คือประการที่ 1
ประการที่ 2 แนวตัดสินของศาลในวันนี้จะเป็นบรรทัดฐาน อาจจะเป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นๆ ด้วย ทั้งหมดนี้ คือที่พนักงานอัยการเราบอกว่าเพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ให้กลับไปสอบสวนใหม่ให้สิ้นกระแสความเสีย กลับมาใหม่ส่งมาใหม่ถามว่าเสียหายไหม ไม่เสียหายครับ เพราะหลักฐานเดิม รูปแบบต่างๆ เป็นเหมือนเดิม เราก็ฟ้องตามที่เขารับสารภาพ แต่ถ้าจะฟ้องตรงนั้นกฎหมายเพิ่มเติมถ้าจะฟ้องตรงนั้น ต้องขออนุญาตอัยการสูงสุดให้ฟ้อง เพราะฉะนั้นสังคมอย่าได้คลางแคลงเพราะสิ่งที่เราทำอยู่นี้อยู่บนตำหนักถึงการอำนวยความยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง ก็ส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวนทำเสียใหม่