เหยื่อรถพ่วงมรณะต้องตัดขา แม่ร้อง รพ.ต้นทางรับผิดชอบ หลังยื้อรักษากว่า 10 ชม. จนแผลติดเชื้อ

เหยื่อรถพ่วงมรณะต้องตัดขา แม่ร้อง รพ.ต้นทางรับผิดชอบ หลังยื้อรักษากว่า 10 ชม. จนแผลติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้า กรณีเกิดอุบัติเหตุ รถพ่วงบรรทุก เสียหลักชนท้ายรถจักรยานยนต์ หนุ่มนักศึกษา ที่ขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา เป็นเหตุให้ คนขับรถจักรยานยนต์ คือ นายธนาวุฒิ ยะสา หรือน้องเอ อายุ 20 ปี ชาวบ้านกุดสะกอย หมู่ 7 ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยนครพนม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนคนซ้อน ทราบชื่อคือ นายยศพล ฮ่มซ้าย หรือน้องบีม อายุ 20 ปี เป็นชาว จ.อุบลราชธานี นักศึกษาชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยนครพนม ได้รับบาดเจ็บสาหัสขาหัก 2 ข้าง ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม

ส่วนคนขับรถบรรทุกคือ นายกิตติศักดิ์ วงศ์ภูเขียว อายุ 33 ปี ชาว อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บที่สะโพกและหน้าอก อยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ใกล้จุดยูเทิร์นอันตราย ห่างจากตัวเมืองประมาณหลัก กม.ที่ 13 ถนนทางหลวง หมายเลข 212 ตอนท่าควาย – กลางน้อย เขตพื้นที่ บ้านหนองเซา ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม โดยหลังเกิดเหตุทางบริษัทเจ้าของรถบรรทุก ได้ออกมาติดต่อญาติผู้เสียชีวิต รวงมถึง ผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมที่จะดูแลชดเชยเยียวยา

ล่าสุด นางสาวหนูผิ่น แสงสีดาอายุ 51 ปี ชาว ต.พังเคน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี แม่ของน้องบีม ผู้รอดชีวิต คือ นายยศพล ฮ่มซ้าย อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยนครพนม ที่รอดชีวิต แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขาหัก 2 ข้าง ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานรับผิดชอบ และโรงพยาบาลนครพนม ต้นทางที่รับการรักษา หลังเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากน้องบีม ลูกชาย อาการยังวิกฤติ ต้องถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร ซ้ำร้ายต้องถูกตัดขาซ้าย เหนือหัวเข่า เพราะติดเชื้อ อีกทั้งยังมีเลือดคลั่งในสมอง ไม่รู้สึกตัว โดยต้องการเรียกร้องผ่านสื่อขอความเป็นธรรมให้โรงพยาบาลนครพนม ออกมาชี้แจงแสดงความรับผิดชอบ เนื่องจากยื้อการรักษาไว้นานกว่า 10 ชั่วโมง ก่อนที่จะส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์สกลนคร

ด้าน นางสาวหนูผิ่น แสงสีดาอายุ 51 ปี ชาว ต.พังเคน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี แม่ของน้องบีม เปิดเผยว่า ตนมีลูกชายสองคน ส่วนน้องบีม ที่ได้รับบาดเจ็บจากการขับรถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อน คนขับเสียชีวิต น้องบีมรอด แต่อาการสาหัส ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้องจากลูกทั้งหมด 3 คน ตนดูแลเลี้ยงลูกลำพังคนเดียว เนื่องจากอย่าร้างกับสามีตั้งแต่น้องบีม อายุได้ 1 ขวบ จนกระทั่งมาเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนครพนม ในคณะพืชศาสตร์ คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นลักษณะนี้ ปกติลูกชายเป็นคนตั้งใจเรียนไม่เกเร ทุกวันจะโทรศัพท์คุยกับแม่ทุกวัน และเป็นเพื่อนรักกับคนที่เสียชีวิต

ADVERTISMENT

มาถึงวันนี้ตนรู้สึกแย่มากกับการดูแลรักษาของโรงพยาบาลต้นทาง คือโรงพยาบาลนครพนม หลังตนทราบข่าวเดินทางมาจาก จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่เช้า หลังลูกชายเข้ารับการรักษาตั้งแต่เวลาประมาณ 8 โมงเช้า วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ซึ่งเห็นสภาพลูกชายในอาการทรมานดิ้นทุรนทุรายด้วยอาการเจ็บปวด แต่ไม่มีการรักษา นอกจากฉีดยาระงับอาการปวดเบื้องต้น สอบถามหมอบอกว่าดูอาการ จนสุดท้ายเวลาผ่านไปกว่า 10 ชั่วโมง ประมาณหนึ่งทุ่ม ทางโรงพยาบาลนครพนม ระบุว่าไม่มีแพทย์เชี่ยวชาญ ต้องส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพพยาบาลศูนย์สกลนคร ซ้ำร้ายมาถึงโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร แพทย์ระบุว่าแผลติดเชื้อ ต้องตัดขาซ้าย

อีกทั้งผลการตรวจพบเลือดคลั่งในสมอง และลูกชายไม่รู้สึกตัว ยังอยู่ในอาการขั้นวิกฤต ตนจึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรม อยากให้โรงพยาบาลต้นทางออกมาแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง มาดูแลช่วยเหลือ ถึงแม้ทางบริษัทเจ้าของรถบรรทุกจะแสดงความรับผิดชอบ แต่ในการรักษาตนยังติดใจ เพราะลูกชายต้องพิการตลอดชีวิต และยังไม่รู้ว่าจะดีขึ้นแค่ไหน ตนเชื่อว่าหากมีการดูแลรักษาที่รวดเร็วกว่านี้ลูกชายจะไม่แย่ถึงขนาดนี้ เพราะหลังเกิดเหตุยังได้พูดคุยกับลูกชายตลอด

ADVERTISMENT

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image