ผวาถูกหลอกลงทุนคริปโท แห่แจ้งความดีเอสไอ หวั่นไม่ได้เงินคืน พบเสียหายกว่า 1.3 พันราย มูลค่าพันล้าน

ผวาถูกหลอกลงทุนคริปโท แห่แจ้งความดีเอสไอ หวั่นไม่ได้เงินคืน พบเสียหายกว่า 1.3 พันราย มูลค่ากว่าพันล้านบาท

วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ตลอดทั้งวันมีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย ทยอยนำหลักฐานเข้าแจ้งความที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 5 เชียงใหม่ หรือดีเอสไอ โดยมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่องพร้อมสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานก่อนพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ หลังพบการหลอกคนลงทุนแชร์ลูกโซ่ มูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้านบาท คาดมีผู้เสียหายตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท จากนักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี หรือสกุลเงินดิจิทัล และเป็นผู้ชักชวนให้คนเข้ามาลงทุน

โดยมีการตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อเปิดรับสมัครสมาชิกเข้ามาลงทุนในคริปโท ซึ่งช่วงแรกมีการจ่ายเงินปันผลตามที่ตกลงไว้ แต่สุดท้ายก็ประสบปัญหาไม่ได้เงินปันผล ขณะที่นักลงทุนคนดังกล่าวกลับใช้ชีวิตหรูหรา ขับรถสปอร์ต และโพสต์ข้อความชักชวนให้คนมาลงทุน โดยอ้างว่าได้กำไรสูง รวมทั้งสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการโพสต์ภาพว่าตัวเองกำลังไปเจรจาลงทุนขุดคริปโทที่ประเทศจีน และ สปป.ลาว

นายหนึ่ง ผู้เสียหายเล่ารายละเอียดว่า ถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี จากนักลงทุนคนดังกล่าว ซึ่งมีการเปิดเว็บไซต์ไว้เพื่อรองรับผู้ลงทุน ขณะที่ตนเองเห็นโปรไฟล์แล้วรู้สึกเชื่อถือ เพราะเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงเรื่องการลงทุนคริปโทจนมีฐานะร่ำรวย สามารถซื้อบ้าน และรถหรูได้ จึงนำเงินไปลงทุนประมาณ 1 ล้านบาท ช่วงแรกก็ได้ผลตอบแทนดี แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เรื่องเริ่มแดงเพราะคนที่ไม่ได้เงินปันผลออกมาเรียกร้องทวงเงิน สำหรับการลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ราคาหุ้นละ 3 หมื่นบาท ได้ผลตอบแทนตามระยะเวลาการลงทุน คือ 10-15 เปอร์เซ็นต์ นอกจากมีการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนในรูปแบบต่างๆ มาหลอกล่อผู้ลงทุนแล้ว นายเอ ยังมีการออกกล่องสุ่มคริปโท เพื่อชักชวนให้คนมาลงเงินเพิ่มด้วย ตอนนี้รวบรวมผู้เสียหายได้มากกว่า 1,300 ราย คาดว่ามูลค่าความเสียหายไม่น่าจะต่ำกว่า 1 พันล้านบาท

Advertisement

ส่วนผู้เสียหายอีกรายบอกว่า ตนลงทุนไปประมาณ 1 แสนบาท โดยได้ผลตอบแทนมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนที่ตัดสินใจลงทุน เพราะมีการสร้างโปรไฟล์ให้เกิดความน่าเชื่อถือ มีการเปิดบริษัทขึ้นมาเพื่อสร้างเครดิตและแสดงผลกำไรหลังลงทุนให้เห็นชัดเจน ขณะเดียวกันก็มักมีการออกผลิตภัณฑ์ หรือโปรเจ็กต์มาชักชวนให้คนร่วมลงทุน ทั้งแบบระยะสั้น ระยะยาว เช่น ลงทุน 1 แสนบาท ระยะเวลา 8 เดือน ได้ผลตอบแทนเดือนละ 13,000 บาท และเดือนสุดท้ายจะได้เงินต้น 1 แสนบาทคืนด้วย โดยตนเพิ่งลงทุนไปประมาณ 3 เดือน แต่หลังมีข่าวว่าแชร์วงนี้แตก ก็รู้สึกกังวลจึงเดินทางมาพบดีเอสไอ เพราะอยากได้เงินคืน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของนายทุนคนดังกล่าวหลังตกเป็นข่าวว่าแชร์ลูกโซ่ที่ตนเองตั้งขึ้นล้มแล้ว ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจของนักลงทุน ชื่อ VIP Pminer Sub ชี้แจงว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน และกำลังหาทางแก้ปัญหา โดยอยู่ระหว่างการเจรจาขายเครื่องขุดที่จีน และไทย เพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับผู้ลงทุน จึงอยากขอความเห็นใจ และขอเวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อเยียวยาและคืนเงินให้กับทุกคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image