อาการ’น้องดีเจ’เหยื่อถูกลักพาตัวดีขึ้นแล้ว ตร.เรียกเจ้าของสวนสอบเพิ่ม พ่อ-หมอดู

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 12 กุมภาพันธ์ นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต เปิดเผยถึงอาการของน้องดีเจ หรือ ด.ช.เจษฎากร ไชโย อายุ 3 ขวบ 9 เดือน ที่หายตัวไปในป่าลึกนานกว่า 5 วัน หลังมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและมีเลือดไหลบริเวณกระเพาะอาหาร ตลอดจนตามร่างกายมีแผลยุงและแมลงกัด โดยพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องผู้ป่วยวิกฤตกุมารเวชกรรม ชั้น 4 ตึกคุณพุ่ม รพ.วชิระภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้อาการของน้องดีเจดีขึ้นตามลำดับ แพทย์ได้ให้น้ำดื่มแล้ว แต่ยังคงงดอาหาร เนื่องจากต้องรอให้แผลที่กระเพาะอาหารหาย สภาพร่างกายโดยทั่วไปเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เด็กสามารถพูดคุยได้แล้ว แต่ยังคงต้องการให้เด็กนอนพักให้มากๆ เพื่อที่ร่างกายจะฟื้นเร็วขึ้น โดยจะอนุญาตให้เฉพาะญาติและเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมอาการและพูดคุยกับเด็กได้เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์พึ่งได้ รพ.วชิระภูเก็ตจะค่อยๆ เริ่มมีการพูดคุยกับเด็ก เพื่อเป็นการสอบถามข้อมูล โดยจะร่วมกับสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสิทธิการคุ้มครองเด็กตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนเด็กจะคงนอนรักษาตัวไปอีกสักระยะ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของเด็กจะฟื้นตัวเร็วมากน้อยเพียงใด

ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.ท.พีระพันธ์ มีมาก พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.วิชิต จ.ภูเก็ต ได้เชิญตัวนายไพโรจน์ เทพบุตร อายุ 60 ปี เจ้าของสวนผลไม้บริเวณจุดที่พบน้องดีเจเข้าให้ปากคำ เพื่อสอบถามภาพรวมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.ที่เคยพบตัวน้องครั้งแรก แต่คิดว่าเป็นลูกของแรงงานต่างด้าว จึงไล่ให้ออกจากพื้นที่ไป เนื่องจากเกรงว่าจะถูกสุนัขที่เลี้ยงไว้กัด จนกระทั่งมาพบตัวน้องดีเจอีกครั้งในวันที่ 9 ก.พ.โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลากว่า 4 ชม.ในการพูดคุยและบันทึกถ้อยคำต่างๆ โดยนายไพโรจน์ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งได้เริ่มเล่าเหตุการณ์ให้พนักงานสอบสวนฟังตั้งแต่เริ่มแรกจนวันที่พบตัวน้อง โดยก่อนหน้านี้เคยเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วครั้งหนึ่ง

โดยการสอบสวนปากคำนายไพโรจน์ครั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมการให้ปากคำในฐานะพยานบุคคลที่พบน้องดีเจเป็นครั้งแรกในสวนและถือว่าเป็นคนแรกที่พบตัวน้องในวันที่มีการค้นหาอีกด้วยซึ่งแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้องยังคงให้น้ำหนักแนวทางการทำงานไปที่ 2 ประเด็นหลักๆ คือ บุคคลใกล้ชิดนำพาและประเด็นมีผู้อื่นนำพาตัวเด็กเข้าไปโดยขณะนี้การสอบสวนคืบหน้าไปมากแล้ว เหลือเพียงการหาคำตอบและหลักฐานมาเชื่อมโยงกับบุคคลที่คาดว่าอาจเกี่ยวข้อง เพื่อแก้โจทย์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้

ด้าน พ.ต.ต.กิตติพงศ์ คล้ายแก้ว ผกก.สภ.วิชิต กล่าวว่าได้ทำการสอบปากคำบุคคลในครอบครัวซึ่งได้แก่ แม่ ตา ยาย เพื่อนบ้าน เจ้าของสวนจุดที่พบ และหัวหน้าคนงานไปแล้ว รวม 6 คน ยังต้องเรียกเพิ่มอีก 2 คน คือพ่อและหมอดูซึ่งถูกระบุว่าทำนายว่าจะพบเด็กในวันที่ 9 ก.พ.ซึ่งยังไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำ และในวันนี้ก็ได้เรียกนายไพไรจน์เจ้าของสวนมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดูว่ามีข้อมูลใดที่จะเป็นเบาะแสเพิ่มเติมนำไปสู่การพบตัวผู้กระทำผิด ซึ่งยืนยันว่าทุกคนยังไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย แต่เป็นวิธีการทำงานเพื่อให้รัดกุมมากขึ้น