อัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง”พระธัมมชโย”-พวก ฐานร่วมกันฟอกเงิน รับของโจร (คลิป)

เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า คณะทำงานอัยการได้พิจารณาผลการสอบสวนเพิ่มเติมทั้งหมดจากพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่อัยการสั่งสอบเพิ่มเติม และหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ต้องหาครบถ้วนแล้ว จึงได้มีคำสั่งคดีเมื่อวานนี้ (22 พฤศจิกายน)

โดยมีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ผู้ต้องหาที่ 1 นางศรัณยา มานหมัด อดีตรองผู้จัดการสหกรณ์ฯคลองจั่น ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม อดีตรองประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งอัยการนัดให้ผู้ต้องหากลุ่มนี้ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวมาให้อัยการ แล้วมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 30 พฤศจิกายน เพื่อส่งฟ้องต่อศาล

และอัยการมีความเห็นควรสั่งฟ้อง พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 และนางสาวศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ซึ่งผู้ต้องหาสองคนนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้ส่งตัวให้อัยการ จึงแจ้งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ติดตามตัว พระธัมมชโย และนางสาวศศิธร มาให้อัยการเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนก่อนขาดอายุความ 15 ปี

Advertisement

ด้านนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ กล่าวว่า ในส่วนพระธัมมชโย กับนางสาวศศิธร หากอัยการได้รับตัวมาอัยการก็จะต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้องทั้งสองคน และทำการสอบสวนก่อน ซึ่งหากมีพยานหลักฐานใหม่ อัยการก็อาจมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงการสั่งคดีในส่วนสองคนนี้ได้

ยอมรับว่าการสั่งคดีนี้มีความล่าช้า เนื่องจากมีทรัพย์สินเกี่ยวข้องจำนวนมาก ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงิน ที่พบว่ามีการจ่ายเช็ค 27 ฉบับ จากนายศุภชัย นางสาวศรัณยา และนางทองพิน ไปยังพระธัมมชโย และนางสาวศศิธร รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนมกราคม 2552- เมษายน 2556 จึงต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ของผู้เสียหาย ที่สามารถใช้สิทธิขอรับการเยียวยารับเงินคืนได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย และยืนยันอัยการทำงานเต็มที่หลังได้รับผลสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image