“ชูวิทย์” สงสัยทำไมยังไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินนายตู้ห่าว หวั่นหลุดคดี ชี้พยานหลักฐานไม่แน่นหนา

“ชูวิทย์” สงสัยทำไมยังไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินนายตู้ห่าว หวั่นหลุดคดี ชี้พยานหลักฐานไม่แน่นหนา

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดเผยถึงกรณีการทำคดีตู้ห่าวว่า กระบวนการสอบสวนมีความน่าสงสัย และเกรงว่า หากปล่อยไว้จะมีการยกฟ้องในภายหลัง โดยได้ตั้งข้อสงเกตต่างๆ เช่น การตรวจค้นผับจินหลิง เมื่อวันที่ 26 ต.ค. มีการพบยาเสพติด 4-5 กิโลกรัม แต่ไม่มีการตรวจค้นร้านที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่กลับมาค้นอีกครั้งวันที่ 1 พ.ย. และพบยาเสพติดเพียง 950 กรัม จึงตั้งข้อสงสัยเรื่องระยะเวลาการค้นและการตรวจสอบ แม้ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า มีการปิดกั้นพื้นที่แล้ว ไม่มีการย้ายพยานหลักฐานได้ก็ตาม พร้อมกันนั้นยังตั้งข้อสงสัยเรื่องการแยกสำนวน อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ทางตำรวจก็ยังไม่มีการแจ้งข้อหาการฟอกเงินกับนายตู้ห่าว โดนเพียงแค่คดียาเสพติดเท่านั้น อีกทั้งมองว่า พยานหลักฐานในคดียาเสพติดก็ไม่แน่นหนามากพอ

“อย่างพยานบุคคลซึ่งเป็นคนจีน 2 คน แม้จะให้การเป็นประโยชน์ในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ในชั้นศาลเชื่อว่าน่าจะกลับคำให้การ ไม่มีทางซัดทอดชาวจีนด้วยกันแน่นอน ส่วนพยานที่เหลือบางส่วนที่ถูกปล่อยตัวก็ได้บินออกนอกประเทศไปอยู่กัมพูชาหมดแล้ว เหลือเพียงพยานหลักฐานว่านายตู้ห่าวออกเช็คจ่ายค่าน้ำค่าไฟ และเป็นผู้เช่าสถานที่ ซึ่งก็ไม่ได้บ่งชี้ว่านายตู้ห่าวเกี่ยวข้องกับยาเสพติด”นายชูวิทย์กล่าวและว่า หากนายตู้ห่าวหลุดคดียาเสพติด ก็เท่ากับหลุดคดีทั้งหมด

นายชูวิทย์กล่าวว่า ส่วนกรณีของนางพัชรินทร์ หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินที่ถูกจับกุมไปแล้วนั้น ก่อนหน้านี้กรมสิบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ก็ออกมาเปิดเผยว่านางพัชรินทร์ มีการรับโอนเงินกลับไปมากับแก๊งคอลเซ็นเตอรร์ เสมือนเป็นตัวแทนของนายตู้ห่าว และปลายทางของเงินไปหยุดที่บริษัท Modern Gems ซึ่งก็แปลกใจว่าทำไมตำรวจไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ทั้งที่มีการเรียกสอบปากคำนางพัชรินทร์ หลายครั้ง เพราะฉะนั้นจึงตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมดีเอสไอที่มาสืบสวนคดีทีหลังถึงได้รู้ แต่ทำไมตำรวจที่สืบสวนมานานกลับเพิ่งมาออกหมายจับหลังผ่านมา 2 เดือน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image