ตร.เมืองอุดร ยืนยันออกหมายจับผู้ต้องหนุ่มค้ายา ทำตามขั้นตอน ชี้เรียก 2 ครั้งไม่มา หลังเมียร้องยุติธรรมผัวถูกจับขนยา
จากกรณีนายกฤษฎา โลหิตดี หรือ “ทนายโนบิ” พร้อมด้วยทีมทนายความ และนายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือ “เฮียเปี๊ยก” จากเพจ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย นำ น.ส.วาสนา โปวังสา อายุ 47 ปี ภรรยาของนายสุวรรณ โปวังสา อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาในคดีใช้พาหนะขนยาบ้าเกือบ 2 แสนเม็ด เหตุเกิดในท้องที่ สภ.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าร้องทุกข์กับกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้เข้ามาช่วยประสานเรื่องสำนวนคดี โดยอ้างว่านายสุวรรณเป็นเจ้าของรถจริง แต่ให้ลูกสาวใช้งาน และตัวเองไปทำงานอยู่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่ง น.ส.วาสนายังบอกอีกว่าสามีทุกข์ใจจนเกือบจะผูกคอตายในห้องขัง
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาที่ 890/2564 สภ.เมืองอุดรธานี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี คือ ร.ต.อ.พอดี ไชยคำหาญ ผู้ต้องหาชื่อนายสุวรรณ โปวังสา ชาว ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี แจ้งข้อหา มียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครอง เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564 เวลาประมาณ 16.00 น. ชุดจับกุมของ สภ.เมืองอุดรธานี สืบทราบว่าจะมีการลักลอบส่งมอบยาเสพติดที่บริเวณท้ายหมู่บ้านโนนยาง ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี
จึงได้ซุ่มดูที่จุดเกิดเหตุ ต่อมามีชายไม่ทราบชื่อสกุลจริง ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กค 3970 พระนครศรีอยุธยา จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้น เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่จึงทิ้งรถจักรยานยนต์และวิ่งหนีเข้าไปในป่าหลบหนีไปได้ ตรวจสอบวัตถุที่เบาะรถจักรยานยนต์ เป็นยาบ้า 198,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดยาบ้าไว้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์พบว่าชื่อนายสุวรรณ โปวังสา
ผกก.สภ.เมืองอุดรธานีเปิดเผยอีกว่า พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง มีญาติเซ็นรับเอกสาร แต่ไม่มีการเข้ามาติดต่อพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด จึงได้ร้องขอต่อศาลออกหมายจับกุมตัวเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สภ.ดอนหญ้านาง จ.บึงกาฬ ได้จับกุมตัว นายสุวรรณ โปวังสา และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานีดำเนินคดี และเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 01.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยนาข่า ได้รับตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ
และวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ได้ร้องขอต่อศาลฝากขังผู้ต้องหา คดีดำที่ ยฝ.343/66 ซึ่งตามข่าวที่ปรากฏออกไปยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างรัดกุมและถูกต้อง เราออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง แต่เมื่อไม่มีการแสดงตัว เราจึงต้องออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย เรื่องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมของญาติ สามารถทำได้อยู่แล้ว หากมีพยานหลักฐานก็ต้องนำมาแสดงยืนยัน ทางตำรวจเราเองมีหน้าที่รวบรวมสำนวนและหลักฐาน ไม่สามารถไปก้าวล่วงศาลได้ เรื่องนี้ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
