แท็กซี่เลือดร้อน คลิปเหล็กแป๊บฟาดมินิแดงมอบตัว รับข้อหาทำร้ายร่างกาย ฝากเป็นอุทาหรณ์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่ สน.มักกะสัน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีคนขับรถแท็กซี่ใช้ท่อเหล็กฟาดรถยนต์มินิคูเปอร์สีแดง โดยปรากฏคลิปวิดีโอเผยแพร่บนโลกโซเชียล ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไปสอบปากคำนายสุทธินันท์ ผลสินธุ์ อายุ 27 ปี ผู้ขับรถมินิคูเปอร์ ที่บ้านพักย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมทั้งแจ้งข้อหา นายบวรพันท์ ศรีเมฆ อายุ 55 ปี คนขับรถแท็กซี่ ขณะเดียวกันนายบวรพันท์เดินทางมาที่ สน.มักกะสัน เข้ามอบตัวและให้ปากคำกับตำรวจ

พ.ต.ท.สืบพงศ์ กรุณา รอง ผกก.สอบสวน สน.นางเลิ้ง ช่วยราชการรอง ผกก.(สอบสวน) สน.มักกะสัน เปิดเผยว่า จากการสอบสวนนายสุทธินันท์ ให้การว่าขณะกำลังขับรถลงจากสะพานแยกอโศก-เพชรบุรี มุ่งหน้าแยกศูนย์วิจัย เมื่อมาถึงสามแยกพร้อมพงศ์ รถด้านหน้าติดสัญญาณไฟ ตอนนั้นขับอยู่เลนกลาง จึงเปิดไฟขอทางออกเลนซ้าย เพราะเลนซ้ายผ่านตลอด และได้ขับรถออกมาครึ่งคันแล้ว แต่แท็กซี่คันก่อเหตุไม่ยอมให้ทางแล้วบีบแตรใส่ จึงถอยรถกลับมาอยู่เลนเดิม จากนั้นได้ขับรถผ่านแยกและเข้าเลนซ้าย จากนั้นตนได้ขับหลบรถเมล์ไปเลนขวา และหักกลับมาเลนซ้ายอีกครั้ง ซึ่งอยู่ด้านหน้ารถแท็กซี่คู่กรณี อาจทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจคิดว่าตั้งใจจะขับรถตัดหน้า จึงได้หยุดรถเพื่อที่จะลงไปคุย แต่ขณะเดียวกันมองผ่านกระจกไปเห็นว่าคู่กรณีกำลังไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากท้ายรถ ตนจึงรีบลงไป และบอกให้ใจเย็นๆ ก่อนที่คู่กรณีจะกระหน่ำตีมาที่ตนหลายครั้ง แม้แฟนของตนจะยกมือไหว้ขอร้องแต่คู่กรณีก็ไม่ฟัง หลังจากนั้นมีพลเมืองดีมาช่วยและนำส่ง รพ.กรุงเทพ ทั้งนี้จากการตรวจร่างกายได้รับบาดเจ็บกระดูกเท้าซ้ายแตก มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย

นายบวรพันท์เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังขับรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ทะเบียน มฎ 8613 กรุงเทพมหานคร จะไปส่งผู้โดยสารย่านประตูน้ำ โดยขับบนถนนเพชรบุรีขาออก จากแยกพร้อมพงศ์ มุ่งหน้าแยกศูนย์วิจัย ขณะนั้นพบรถมินิสีแดงคู่กรณีขับมาอยู่เลนกลาง และเปิดไฟขอทางเพื่อที่จะออกเลนซ้าย แต่ตนเห็นว่าระยะค่อนข้างกระชั้นชิดจึงไม่ให้แทรกเข้า และขับเลยมาจากแยกศูนย์วิจัย พบรถมินิคู่กรณีขับตามมาพร้อมกับเปิดไฟกะพริบ ตอนนั้นเริ่มรู้ว่าฝั่งนั้นเริ่มไม่พอใจ จากนั้นรถมินิสีแดงพยายามขับเข้าเลนขวาและหักออกซ้ายเหมือนต้องการให้รถตนชนท้าย เป็นอย่างนี้อยู่ 2-3 ครั้ง จากนั้นคู่กรณีจึงจอดรถแล้วลงมา เดินตรงปรี่มาหาตน ตนคิดว่าต้องมีเรื่องแล้วแน่ๆ เลยลงจากรถและไปหยิบเหล็กแป๊บยาวประมาณ 1 เมตร ใช้สำหรับซ่อมรถจากกระโปรงท้าย เนื่องจากคู่กรณีเป็นวัยรุ่น ร่างกายกำยำ น่าจะแรงเยอะ ถ้าโดนทำร้ายร่างกายคงสู้ไม่ไหว จึงใช้เหล็กแป๊บตีไปที่คู่กรณีหลายครั้ง จากนั้นมีการชุลมุน คู่กรณีพยายามกดหัวตนลงและแย่งเหล็กแป๊บไป แต่ตนแข็งกว่าจึงผลักออกและกระหน่ำตีอีกหลายครั้ง แม้คู่กรณีจะยกมือไหว้ แต่ตอนนั้นยอมรับว่าโมโหมาก เลยลงมือตีไปหลายครั้ง ทั้งนี้เหล็กแป๊บนั้นพกติดรถไว้เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ซ่อมรถ งัดยางรถ งัดแม่แรง และใช้ป้องกันตัวหากเจอคนร้าย หรือช่วยเหลือคนอื่นหากเกิดเหตุร้าย แต่หลังจากนี้คงไม่พกติดรถอีกแล้ว อยากให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ว่าหากเกิดเหตุบนท้องถนนให้ใจเย็นๆ ให้อภัยกัน และให้ใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหา

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า อยากให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนน การตอบโต้กันไปมา เหมือนกับการสาดโคลน หรือสาดน้ำใส่กัน ต้องเปียกทั้งคู่ อยากให้ทุกฝ่ายใช้สติ และให้อภัยซึ่งกันและกัน ฝากเตือนพี่น้องประชาชนทุกคนว่า หากพบเจอกรณีดังกล่าวให้ใช้สติในการประมวล เพราะเราทุกคนคือคนไทย ควรจะรักกันไว้ดีที่สุด และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอยากให้ใช้กฎหมาย แทนที่จะใช้อารมณ์คลี่คลายปัญหา หากฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธ อาจเกิดความสูญเสียตามมา อยากให้อภัยกัน เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โทษจำคุก 6 เดือนถึง 1 ปี แก่นายบวรพันท์

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image