บิ๊กโจ๊ก ลงดาบ นายก อบต.เกาะสาหร่าย เซ่น หลีเป๊ะ ฐาน บุกรุก-ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

บิ๊กโจ๊ก ลงดาบ นายก อบต.เกาะสาหร่าย เซ่นหลีเป๊ะ 2 ข้อหา บุกรุก-ละเว้นปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและแก้ไขข้อพิพาทที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ขึ้นที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ ตำรวจภูธร จ.สตูล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า มาติดตามปัญหา 2-3 เรื่องด้วยกัน เรื่องหลักคือเรื่องที่ดินทำกินและการแก้ไขปัญหาบนเกาะหลีเป๊ะทั้งหมด พบการบุกรุกที่ดินในแปลงที่ 11 ของกรมอุทยานแห่งชาติ โดยอ้างอิงจากแผนที่ปี พ.ศ.2493 เรื่อยมา ทางกรมที่ดินจะตั้งมาตรการมาตรา 61 เพื่อดำเนินการเพิกถอน โดยจะรายงานฐานข้อมูลจากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ จากการรังวัดและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่กรมอุทยานแห่งชาติและกรมสอบสวนคดีพิเศษทำเอาไว้ พร้อมทั้งคำพิพากษาศาลฎีกา วันนี้จะดำเนินการเร่งรัดพิจารณาเพิกถอนแปลง 11 ทั้งหมดซึ่งเป็นแปลงที่มีปัญหาอยู่

Advertisement

เรื่องที่ 2 สำหรับการที่มีการสร้างรั้วต่างๆ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถลงสู่ทะเลได้ เด็กนักเรียนไม่สามารถเดินทางผ่านไปได้ ถือว่าเป็นความผิดที่มีการก่อสร้างอาคารโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาคาร เป็นหน้าที่ของท้องถิ่น และ 2 เรื่องของโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต และไม่มี พ.ร.บ.อาคารที่มีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต เดิมมีการหลีกเลี่ยงโดยสร้างเป็นที่อยู่อาศัยแล้วก็มาเป็นโรงแรมเพื่อทำธุรกิจ ในส่วนของตำรวจได้รับการร้องทุกข์ไปแล้ว โดยวันศุกร์หน้าจะลงมาประชุมอีกครั้ง โดยสั่งการไปแล้วทั้ง ปลัด อบต.และปลัดอำเภอ จะต้องดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษทั้งหมด ต้องดำเนินการรื้อถอนในส่วนของการก่อสร้างที่ไม่มีใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.อาคาร

และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา นายก อบต.เกาะสาหร่ายไปแล้ว 2 ข้อหา ต่างกรรมต่างวาระ 2 คดี คือ มีความผิดฐานบุกรุกที่ดินของกรมอุทยานแห่งชาติและจะแจ้งข้อกล่าวหาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 มีหนังสือจากตำรวจภูธรจังหวัดสตูลให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีมีสิ่งปลูกสร้างโดยไม่ขออนุญาต ทางนายก อบต.เกาะสาหร่ายไม่ยอมมาถึงแม้จะมีหนังสือแจ้งไปถึง 5 ครั้ง ถึงแม้จะมาหรือเพิ่งมาก็ตามก็ถือว่ามีความผิดเกิดแล้ว วันนี้ทุกส่วนต้องทำหน้าที่ ถ้าส่วนไหนไม่ทำหน้าที่ถือมีความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 ตอนนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ซึ่งในส่วนของฐานความผิด 157 จะแจ้งความในอาทิตย์หน้า หลังจากนั้นทางจังหวัดก็จะตั้งคณะกรรมการ และคงดำเนินการมาตราการให้พักการทำหน้าที่

Advertisement

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องของเรือ ที่มีการจับกุมไป 27 ลำ ได้พูดคุยกับเจ้าของและผู้ประกอบการ ตัวแทน ได้อธิบายว่าเมื่อถูกจับแล้วก็ต้องดำเนินคดีไป ในส่วนของการทำมาหากินก็เห็นใจ เพราะไม่สามารถทำมาหากินได้ ซึ่งได้แนะนำคณะกรรมการประมงจังหวัด จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพราะการประกาศหน้าน้ำออกไปเป็นอำนาจ ของคณะกรรมการประมงจังหวัด โดยมีการหารือเนื่องจากมีกฎหมายทับซ้อนกัน ระหว่างกฎหมายประมงและอุทยานฯ หารือเพื่อหาโซนพื้นที่ให้ชาวประมงชุดนี้ที่เดือดร้อนได้ทำมาหากิน ก็จะจบในการแก้ปัญหา เพราะเขาไม่สามารถออกไปหากิน 12 ไมล์ทะเลได้เนื่องจากเป็นเรือขนาดเล็กจะออกไปได้ก็เฉพาะ 1 ไมล์ทะเลเท่านั้น หากไม่จับอาจมีการร้องเรียนได้ แต่หากมีประกาศของจังหวัดตำรวจก็ไม่ต้องไปดำเนินการได้ โดยมาตรการต่างๆ เราจะใช้มาตรการบังคับใช้ทางกฎหมายนำ และการพูดคุย เพื่อรักษาความสมดุลให้ได้ของการบังคับใช้กฎหมาย ไปพร้อมกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

“เรื่องหลีเป๊ะไม่ใช่เรื่องที่หนักใจเพราะมีกรอบดำเนินการ เชื่อว่าไม่มีใครที่จะมาสู้กับเอกสารของรัฐได้ เพราะจะยึดเอกสารของรัฐเป็นหลัก เพื่อให้รับความเป็นธรรม” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

และว่า กรอบที่จะดำเนินการหลังจากนี้ไป…ในเรื่องของ 8 คดีศาลได้มีการบังคับแล้วกรมอุทยานจะประสานกับกรมบังคับคดีทำการปิดประกาศและรื้อถอน ตัวที่สร้างติดกับโรงเรียนและล้อมรั้วโรงเรียนไว้ ตอนนี้ทางเอกชนมีการยื่นอุทธรณ์มา ทางรองผู้ว่าฯจะพิจารณาคำอุทธรณ์ หากมีมติแล้วทำให้คำอุทธรณ์นั้นตกไป ส่วนนี้ต้องมีการรื้อถอน เหลือขั้นตอนอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง ส่วนการดำเนินคดีอาญาตำรวจต้องทำทั้งหมด โรงแรมก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด โดยจะไล่ต่อว่าใครคือเจ้าของ ไม่ใช่เจ้าของอยู่ต่างประเทศและเป็นนอมินี และนอมินีไม่ได้เป็นเจ้าของเองเพียงแค่รับเงินอย่างเดียว แล้วเงินโอนออกนอกประเทศ วันนี้ต้องทำให้คนไทยมีที่ยืน รายได้ต้องเข้าประเทศ โรงแรมต้องทำให้ถูกต้องโดนมาตรการภาษี อาจจะนำไปสู่ความผิดฐานการฟอกเงิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image