ด่วน! คลั่งอีกแล้ว ชายถืออาวุธยิงคนในบ้านเจ็บ ต่อมาตร.กล่อมมอบตัวสำเร็จ(คลิป)

คลั่งอีกแล้ว.!!
เหตุการณ์เกิดใน ซอยจันทน์ 23 พื้นที่ สน.บางโพงพาง
มีชายสูงอายุใช้ปืนยิงมีคนเจ็บ ทราบว่าเป็นผู้หญิง และชายคนดังกล่าวยังถือปืนอยู่ในบ้าน

พ.ต.อ.อนันต์ชัย กมลรัตน์ ผกก.บางโพงพาง ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับแจ้งเมื่อ 12.30 น. มีชายสูงอายุทะเลาะกันกับบุคคลในบ้านแล้วเกิดเหตุการณ์ใช้อาวุธปืน ตอนนี้กำลังอยู่ที่เกิดเหตุ

ข่าวแจ้งว่า เหตุการณ์ชายสูงอายุเกิดคลั่งจนใช้อาวุธปืนดังกล่าว มาจากเรื่องมรดก เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังล้อมบ้านที่เกิดเหตุ ในซอยจันทน์ 23/2 สุดซอย บ้านหลังใหญ่

ต่อมาเวลา 14.28 น. พ.ต.อ.อนันต์ชัยกล่าวว่า ตอนนี้ได้ควบคุมชายคนดังกล่าวพร้อมอาวุธได้เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ทั้งหมดโอเคแล้ว

Advertisement

Advertisement

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง และกู้ภัยได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายยิงปืน จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ในบ้านพักหลังหนึ่ง ภายในซอยจันทน์ 23 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.

เมื่อไปถึงพบผู้ก่อเหตุยืนถืออาวุธปืนอยู่หน้าบ้าน เดินไปเดินมา ไม่ยอมให้กู้ภัยเข้าไปดูอาการผู้บาดเจ็บ  เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเจรจา แต่ผู้ก่อเหตุยังไม่ยอม เดินถืออาวุธปืนวนไปวนมา ลักษณะมีอาการเครียด บางครั้งถืออาวุธปืนมาจ่อที่ตัวเอง

ต่อมาเวลา 13.24 น. ผู้ก่อเหตุอนุญาตให้กู้ภัยนำตัวหญิงที่บาดเจ็บออกมาได้ ส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมวางอาวุธปืน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย ถูกอาวุธปืนยิงที่บริเวณอกด้านขวา ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย เป็นชาย ถูกอาวุธปืนตบที่บริเวณศีรษะ ซึ่งทั้งผู้บาดเจ็บ และผู้ก่อเหตุเป็นพี่น้องกัน ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ

น้องชายผู้ก่อเหตุกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเป็นพี่ชายคนโต โดยเมื่อช่วงเช้านั่งกินข้าวกันปกติ หลานอีก 1 คน รวมเป็น 4 คน ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุมีปากเสียงกับหลาน โดยตนไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นแม่ของหลาน ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้ก่อเหตุ และเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บได้เข้าไปช่วยห้าม

จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ชักปืนยิงน้องสาวเข้าที่บริเวณอกด้านขวา ตนจึงไปช่วยห้าม แต่พี่ชายไม่ฟัง และใช้ปืนตบที่หน้าตน และข่มขู่ว่าจะยิงให้หมดเลย โดยน้องชายผู้ก่อเหตุยังเปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ทราบเพียงว่าผู้ก่อเหตุ หรือพี่ชายมีปัญหาเรื่องเงินในครอบครัว เป็นคนเงียบ และเก็บกด ตนเชื่อว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พี่ชายได้เตรียมการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในระหว่างที่มีการเจรจา ผู้ก่อเหตุได้ขอว่าอยากพูดคุยกับสื่อมวลชน ตำรวจจึงให้สื่อเป็นตัวแทนเข้าไปพูดคุย เจ้าตัวได้ระบายเพียงสั้นๆ ว่า ตนเองกลัวพี่ๆ น้องๆ จะโกง แย่งสมบัติ

เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังมีอาวุธปืนเหน็บอยู่ด้านหลังเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ตำรวจจึงกันผู้สื่อข่าวออกจากพื้นที่ ซึ่งในระหว่างที่พูดคุยไม่ได้มีอาการเครียด ยิ้มแย้ม ลักษณะอยากระบายให้ใครฟัง ซึ่งตรงกับน้องชายเปิดเผยว่า พี่ชายไม่ได้ป่วยหรือมีอาการจิตเวชมาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 14.00 น. ดาบตำรวจปราวิน แสงจันทร์ ผบ.หมู่ บก.สปพ. ซึ่งถึงที่เกิดเหตุเป็นชุดแรก และเข้าเจรจากับผู้ก่อเกตุ ได้เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุอายุประมาณ 80 ปี เป็นอดีตทหารเกษียณอายุราชการ ใช้อาวุธปืนลูกโม่ .38 ก่อเหตุยิงน้องสาวจำนวน 1 นัด เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะกันเรื่องทรัพย์สิน

หลังก่อเหตุที่ลงมือยิงน้องสาวบาดเจ็บ ผู้ก่อเหตุได้ขังตัวหลานสาว ซึ่งเป็นคู่กรณีที่ทะเลาะกันไว้บนบ้านชั้น 2 ก่อนจะปล่อยตัวออกมาให้ช่วยดูน้องสาว ซึ่งเป็นแม่ของหลานสาวที่นอนบาดเจ็บอยู่

ทั้งนี้ หลังจากที่ผู้บาดเจ็บออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว ตำรวจได้เข้าเจรจาอีกครั้ง จนผู้ก่อเหตุยอมเก็บปืนและเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการพูดคุย จนผู้ก่อเหตุมีท่าทีสงบลง และยังคาใจกับญาติพี่น้องอยู่ จึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว

ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เบื้องต้นมีหญิงได้รับบาดเจ็บ 1 คน ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว อาการพ้นขีดอันตราย พร้อมได้รายงาน ผบ.ตร.และ ผบช.น.ให้ทราบ และได้รับการสั่งกำชับให้ดูแลสถานการณ์ให้ดี ซึ่งเมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าตัวก็มีอาการสงบลง ไม่ถือปืนแล้ว แต่ยังเก็บไว้กับตัว แต่ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าชาร์จจับกุม เพราะไม่มีคนอยู่ในพื้นที่แล้ว จึงเจรจาไกล่เกลี่ยก่อนเจ้าตัวจะยอมมอบปืนให้ตำรวจ

จากการสอบถามผู้ก่อเหตุ ทราบว่าเจ้าตัวมีอายุ 76 ปี มีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว และอาศัยอยู่ที่อื่น แต่พกพาปืนมาก่อเหตุที่นี่ ส่วนแรงจูงใจการก่อเหตุ เจ้าตัวบอกว่าจากความเครียดเรื่องทรัพย์สิน และมรดก โดยผู้ก่อเหตุเคยทำงานด้านรักษาความปลอดภัยของเอกชน ทำให้พอมีความชำนาญด้านการใช้อาวุธปืนบ้าง แต่ไม่ได้เป็นทหาร และเลิกทำแล้วเพราะมีอายุมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหานั้น จะต้องตรวจสอบพฤติกรรมการก่อเหตุพร้อมสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐานจะเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะยิงปืนมากกว่า 1 นัด จากนี้จะคุมตัวไปสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมตรวจร่างกายหาสารเสพติดต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image