คุมช่างรับเหมาจุดประทัดป่วนทำเนียบ ส่ง’ศานิตย์’สอบ ยอมรับผิด ร้องขอความเป็นธรรม 4 เรื่อง

จากกรณีชายคลุ้มคลั่งปีนหลังคาอาคารอำนวยการทำเนียบรัฐบาล เป็นบริเวณหลังคาธนาคารออมสิน ในทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยได้ชูป้ายไวนิลมีข้อความว่า “ผมมีความหวัง และความศรัทธาท่านนายกรัฐมนตรี ต้องการความเป็นธรรม” จากนั้นได้โวยวายเรียกร้องขอความเป็นธรรม แล้วจุดประทัด ขว้างระเบิดปิงปอง 4 ลูก สร้างความแตกตื่นให้กับเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวในทำเนียบรัฐบาลอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลต้องรีบมาเจรจาเป็นการด่วน ทราบชื่อนายเฉลิม สอนนนฐี อายุ 44 ปี ชาว จ.น่าน ช่างรับเหมาประปา เกิดความเครียดเป็นหนี้สินจำนวนมากเนื่องจากถูกโกง โดยมีนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาเจรจาในเวลาประมาณ 08.30 น. โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นายเฉลิมจึงยอมลงมา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปพบ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เพื่อสอบถามสาเหตุการก่อเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 ธันวาคม

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ได้สอบปากคำนายเฉลิม ถึงสาเหตุที่กระทำการดังกล่าว โดยนายเฉลิมให้การว่า ยอมรับผิดที่ก่อเหตุ มาร้องเรียนในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากอึดอัดใจและมาเรียกร้องเรื่องที่เดือดร้อนหลายอย่าง เหมือนมีบาดแผลในใจรวมหลายเรื่อง โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องที่รับช่วงรับเหมาก่อสร้างในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.น่าน แต่กลับไม่ได้ค่าก่อสร้างกว่า 2 แสนบาท เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องขอออกโฉนดเนื้อที่ 2 งาน ในจ.น่าน แต่กลับพบปัญหาว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ทั้งๆ ที่ที่ดินบริเวณใกล้เคียงสามารถออกโฉนดได้ เรื่องที่ 3 ถูกบริษัทรับช่วงส่งงานโยนภาระภาษีมาให้ต้องจ่ายเกินจริงซึ่งไม่ยุติธรรม และเรื่องสุดท้าย อยากให้ตรวจสอบการทุจริตการก่อสร้างท่อประปาที่หลังส่งมอบงานของ อบต.แห่งหนึ่งแล้ว พบว่าระยะทางของท่อประปาหายไปถึง 400 เมตร อย่างไรก็ตาม หลังจากชี้แจงข้อเท็จจริงและมีเจ้าหน้าที่รับฟังแล้ว รู้สึกสบายใจขึ้น ยืนยันว่าสิ่งที่ทำไม่ได้มีเจตนาสร้างความเดือดร้อนให้ใครแต่อย่างใด

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวต่อว่า เรื่องร้องเรียนประเภทดังกล่าวมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับเรื่องและทราบปัญหาแล้ว ยืนยันว่าจะได้รับความเป็นธรรม แต่อาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ที่นายเฉลิมทำลงไป จำเป็นต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เบื้องต้นพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการและเข้าข่ายเป็นความผิดฐานก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ส่วนที่พบว่านายเฉลิมใช้ระเบิดปิงปองขว้างปา ต้องรอตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจตนาในการก่อเหตุ อย่างไรก็ดีต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าจะเข้าข่ายความผิด ตามคำสั่ง คสช.ที่ 27/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันหรือไม่ โดยหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น ตำรวจได้คุมตัวนายเฉลิมไปสอบสวนต่อที่ สน.ดุสิต ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image