อดีตพ่อบ้านศาลอาญาชี้จุดลักทรัพย์ศาล สารภาพอัพยาก่อนลงมือ แฉเคยลักตู้บริจาคศาลอุทธรณ์(คลิป)

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 มกราคม ที่ สน.พหลโยธิน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รรท.รองผบช.น. พ.ต.อ.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบก.น.2 พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รองผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 และพ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.พหลโยธิน ร่วมกันแถลงจับกุมนายวราพงษ์ สอนน่วม อายุ 37 ปี อดีตพ่อบ้านประจำศาลอาญา ผู้ต้องหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในสถานที่ราชการโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และบุกรุกในเวลากลางคืน พร้อมปลากระป๋อง 4 กระป๋อง วิทยุสื่อสารยี่ห้อ 1 เครื่อง กระเป๋าสะพายข้าง 2 ใบ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีเขียวดำ ทะเบียน ลยล 400 กรุงเทพมหานคร เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยจับกุมได้ที่หน้าเพิงพักไม่มีเลขที่ ใต้สะพานบางบัว แขวงลาดยาว เขตจตุจักร

ศาล2

สอบสวนนายวราพงษ์รับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง เนื่องจากไม่มีเงิน ประกอบกับเมาสุราและได้เสพยาไอซ์เข้าไป จึงจดจำรายละเอียดในการก่อเหตุไม่ได้ ก่อนหน้านี้ประกอบอาชีพรับจ้างเข็นของที่ตลาด ตอนนี้ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร วันเกิดเหตุแอบเข้าไปในศาลอาญาก่อนจะหยิบของทุกอย่างที่หยิบได้ และนำของไปขายเพื่อนำเงินที่ได้มาเสพยาและใช้จ่ายส่วนตัว

ศาล1

Advertisement

ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า การตรวจสอบประวัตินายวราพงษ์พบถูกดำเนินคดีเสพยาเสพติด และรับด้วยว่าขณะก่อเหตุได้เสพสารเสพติดเข้าไป ประกอบกับมีอดีตแฟนทำงานเป็นแม่บ้านในศาลเลิกรากันไปเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา จึงคุ้นเคยเส้นทางภายในอย่างดี ทั้งนี้นายวราพงษ์เป็นอดีตพ่อบ้านที่ทำงานในศาลอุทรณ์ตั้งแต่ปี 2547 ต่อมาปี 2554 ก่อเหตุลักทรัพย์ตู้บริจาคศาลอุทธรณ์ จึงถูกออกหมายจับและนายวราพงษ์หลบหนีไป

ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ศาลอาญา พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบ.ช.น. พ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตร์สาทร ผกก.สน.พหลโยธิน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ควบคุมตัว นายวราพงษ์ สอนน่วม อดีตพ่อบ้านประจำศาลอาญา ผู้ต้องหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน เกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา เป็นวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ มาชี้จุดเกิดเหตุพร้อมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกบริเวณซอยปั๊มน้ำมัน ปตท. ด้านข้างศาลอาญา จุดที่ผู้ต้องหาขี่รถจักรยานยนต์มาจอด ก่อนปีนรั้วเข้าไปในพื้นที่ศาลอาญา และปีนออกมาหลังจากก่อเหตุรื้อค้นทรัพย์สินแล้ว จุดที่สอง จุดรื้อค้นตู้ลิ้นชัก บริเวณห้องศูนย์พักความและบริหารงานคดี ชั้น 9 อาคารศาลอาญา ลักสร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท และเงินสด 4,000 บาท รวมมูลค่า 24,000 บาท และห้องทำงานชั้น 10 ที่คนร้ายรื้อค้น แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนไปทำข่าวภายในตัวอาคารศาลอาญาแต่อย่างใด

 

Advertisement

 

 

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า กรณีผู้ต้องหาอ้างว่าจำเหตุการณ์ที่รื้อค้นทรัพย์ไม่ได้ เนื่องจากผู้ต้องหาเสพยาไอซ์ทำให้จำเหตุการณ์บางส่วนไม่ได้ แต่เหตุการณ์ส่วนใหญ่ผู้ต้องหานำชี้ประกอบคำรับสารภาพได้อย่างชัดเจน เรามีพยานบุคคลและสร้อยทองที่เป็นวัตถุพยาน รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เมื่อนำไปชี้จุดเกิดเหตุก็สามารถชี้ได้ตรงกันและยังยอมรับว่าเอาสร้อยข้อมือทองคำไปและขายให้ร้านทองจริง ตำรวจไปตรวจสอบก็พบของกลาง รวมทั้งไปตรวจค้นที่ห้องพักพบหลักฐานชัดเจน ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมนั้น ได้ปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ในศาลอาญาแล้ว ทางตำรวจยินดีที่จะดำเนินการให้ โดยจะขอฝากขังต่อศาลวันที่ 13 มกราคมนี้

“เขาเคยเป็นพ่อบ้าน มาทำงานอยู่ที่ศาลมานานตั้งแต่ปี 2547-2554 เลยรู้สึกคุ้นชินว่าเป็นที่ของเขา โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าสถานที่เป็นสถาบันศาล ทั้งนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องพยานหลักฐาน เราได้วิทยุสื่อสาร ปลากระป๋องที่ขโมย สร้อยทอง จึงยืนยันการก่อเหตุได้ และพาไปชี้จุดว่าเข้าไปในห้องไหนบ้าง หลังจากนี้จะนำไปขยายผลมีทรัพย์สินอื่นใดอีกบ้าง และรวบรวมหลักฐานให้มัดแน่น นอกจากคำรับสารภาพ การชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพแล้ว ต้องรอรับผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ คาดว่าจากหลักฐานทั้งหมด จะทำให้การพิจารณาคดีในชั้นศาลปราศจากข้อสงสัยได้” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image