เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 13 มกราคม พ.ต.ท.ประภัศ เขียวประภัสสร สว.(สอบสวน) สน.ปากคลองสาน รับแจ้งมีเรือลากจูงเรือบรรทุกสินค้าล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณใกล้กับท่าเรือวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย รุดไป ที่เกิดเหตุ อยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากท่าเรือวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ประมาณ 200 เมตร พบเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่ากำลังเข้าตรวจสอบจุดที่เรือลากจูงเรือสินค้าล่ม จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่ามีผู้โดยสารมากับเรือลำดังกล่าว 2 คน ขณะเกิดเหตุมีเรือข้ามฟากช่วยเหลือนำขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย
สอบสวน นายทวี ปั้นดี อายุ 68 ปี ชาวจ.พระนครศรีอยุธยา คนขับเรือลำเกิดเหตุ ให้การว่า ขับเรือชื่อ “ราชาพฤกษ์” เป็นเรือลากจูงขนาดเล็กลากเรือบรรทุกถ่านหินน้ำหนัก 4 ตัน มาจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จะไปส่งให้ลูกค้าที่จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีลูกชายนั่งมาด้วย จุดเกิดเหตุเรือของตนโดนคลื่นน้ำที่ซัดมาจากเรือลำอื่นที่แล่นผ่านมาขนาบทั้งสองข้างพร้อมกันพอดี ทำให้น้ำเข้าเรือ จึงตัดสินใจตัดเชือกที่ใช้ลากเรือสินค้าออก แล้วพยายามขับเรือเทียบเข้าฝั่ง แต่เกิดจมลง ตนกับลูกชายจึงพากันว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง ก่อนที่เรือข้ามฟากจะเข้าช่วยเหลือ ทั้งนี้เคยขับเรือลากบรรทุกทรายให้กับบริษัทเอกชน ก่อนจะซื้อเรือลำเกิดเหตุ ราคา 6 แสนบาทมาทำอาชีพรับจ้างลากเรือบรรทุกสินค้าได้ประมาณ 1 ปี ก็มาประสบเหตุดังกล่าว เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายถึงชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุเกิดจากเรือกระทบกับคลื่นอย่างรุนแรง ทำให้น้ำเข้าเรือก่อนจมลงไป ขณะนี้ทางกรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาจุดที่เรือจมที่แน่ชัด ก่อนจะวางแนวทุ่น เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อนและกู้เรือขึ้นมา หลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะเชิญตัวนายทวี คนขับเรือและลูกชาย ไปให้ปากคำเพื่อเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและตรวจสอบว่าเรือมีประกันภัยหรือไม่ ก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณภาพจากห้อง 61 ข่าว ภัย ปภ.
