ญาติร้องสายไหมต้องรอด หลังลูกพี่ลูกน้องดับปริศนา แพทย์ยืนยัน ไม่สามารถตายเองอย่างแน่นอน แต่ตรวจกล้องวงจรปิด ยังไม่พบพิรุธ
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ศูนย์ประสานงาน เพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 เขตสายไหม กรุงเทพฯ นายอรรถวิทย์ ชะลุยรัตน์ อายุ 48 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรม กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากญาติของตนเสียชีวิตในบ้านพักหมู่บ้านหรูอย่างมีเงื่อนงำ แพทย์นิติเวชระบุสาเหตุการตายเกิดจากหัวแตก กระดูกสันหลังส่วนคอหัก ญาติคาดว่าอาจจะถูกฆาตกรรม ผ่านไปเกือบเดือน คดีไม่คืบหน้า
นายอรรถวิทย์ ชะลุยรัตน์ อายุ 48 ปี ลูกพี่ลูกน้องของนายนิรุจน์ ชะลุยรัตน์ อายุ 46 ปี ผู้ตาย เล่าว่า น้องชายของตนอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตัวคนเดียว ซึ่งเป็นหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านเมืองทอง มานานกว่า 10 ปี ก่อนจะถูกพบเป็นศพเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 มกราคม ภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกภาพของคนตายได้ครั้งล่าสุด ซึ่งคนตายขี่รถจักรยานยนต์ออกไปซื้ออาหาร ก่อนจะกลับเข้ามาบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวจะมีการพูดคุยกับคนตายอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่สามารถติดต่อได้ จึงติดต่อให้ญาติคนหนึ่งที่อยู่ใกล้เข้าไปดู เมื่อไปถึงที่ชั้นสอง จึงมองลอดผ่านช่องกระจกไป ก็พบว่าคนตายนอนแน่นิ่ง จมกองเลือด จึงตั้งสติโทรหาตำรวจ สภ.ปากเกร็ด พร้อมกับส่งศพไปผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
กระทั่งเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา แพทย์ได้ระบุสาเหตุการตายว่า กะโหลกศีรษะแตก และพบกระดูกสันหลังส่วนคอและอกหัก ซึ่งแพทย์ได้บอกว่าไม่สามารถตายด้วยตนเองได้ จึงให้คำแนะนำว่า ให้ไปแจ้งความอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นตนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน นำไปแจ้งความอีกครั้ง ซึ่งตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ดเข้ามาเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ ก็ไม่พบว่ามีบุคคลที่ต้องสงสัยเข้าออกไปในบ้านแต่อย่างใด มีเพียงแค่พนักงานส่งพัสดุส่งอาหาร หรือคนมาถามทางเพียงเท่านั้น อีกทั้งทรัพย์สินภายในบ้านก็ไม่มีสูญหาย ข้าวของทุกอย่างยังวางอยู่ที่เดิม ทำให้ตนค่อนข้างแปลกใจและฟังข้อสันนิษฐานว่าคนร้ายที่เข้ามาทำแบบนี้เข้ามาผ่านช่องทางใด
เมื่อไปถามเพื่อนบ้าน แต่ละคนก็ให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่เห็นว่ามีบุคคลที่ต้องสงสัยเข้าออกภายในบ้านได้อย่างใด เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ตนเคยได้กลิ่นแปลกๆ ออกจากบ้าน แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร และที่ผ่านมาคนตายก็ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านคนไหนเลยสักครั้ง รวมทั้งธุรกิจซื้อขายเครื่องจักรกลโรงงานที่น้องชายของตนทำมานานกว่า 10 ปี ก็ไม่พบว่ามีคู่ขัดแย้งกันแต่อย่างใด ทำให้จนถึงขนาดนี้ครอบครัวได้แต่สงสัยว่าใครเป็นคนทำ ซึ่งถ้าหากยังไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้ ก็ยิ่งทำให้ครอบครัวรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และชาวบ้านที่อยู่ภายในหมู่บ้านก็ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง
ด้านนายเอกภพเปิดเผยว่า การตายแบบนี้ถือเป็นการตายที่ค่อนข้างผิดปกติ เชื่อว่าจะต้องมีฆาตกรรมอย่างแน่นอน แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังสงสัย เช่น สภาพศพ ทรัพย์สินไม่มีสูญหาย จึงคาดว่า คนร้ายอาจจะเป็นคนในหมู่บ้านก็เป็นไปได้ และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนตาย