‘รมว.ยุติธรรม’อบรมเจ้าพนักงาน ‘ป.ป.ส.-ตำรวจ’ เพิ่มทักษะความรู้ การหลบเลี่ยง อายัดทรัพย์ ตามกม.ยาเสพติด มุ่งตัดวงจรการค้า
เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่โรงแรมกาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีปิดโครงการฝึกอบรมเจ้าพนักงาน สำนักงานเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ในการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พื้นที่กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นระหว่าง 2 – 4 เมษายน 2567 มี นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(รอง เลขาธิการป.ป.ส.) , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. , นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ป.ป.ส.กทม. พร้อมคณะผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. ให้การต้อนรับ และมี น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นวิทยากร
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จากนโยบายสำคัญประการหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม คือ การแก้ปัญหายาเสพติด โดยใช้กลไกยุติธรรมจังหวัดเข้าดำเนินการร่วมกับชุมชนและครอบครัว จำนวนผู้ต้องขังในคดียาเสพติดที่ส่วนใหญ่เป็นผู้เสพ-ผู้ลำเลียง และกว่า 75% มีการศึกษาน้อยกว่าภาคบังคับ เป็นสาเหตุให้ตกเป็นเครื่องมือให้กับผู้ค้ายาเสพติด ส่วนเราจะจัดการกับผู้ค้ายาเสพติดอย่างไรนั้น ส่วนหนึ่ง คือ ความรักของพ่อแม่และครอบครัว หรือความจากชุมชน และด้วยการใช้มาตราการป้องกันการฟอกเงิน การริบ ยึด อายัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด แต่ไม่ว่ากฎหมายก้าวหน้าเพียงใด ก็ต้องการอบรม เสวนา ฝึกฝนขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เดิมทีการปราบปรามยาเสพติด วางเป้าหมายการยึดทรัพย์ไว้ถือเป็นความคิดที่ผิด ซึ่งควรให้การทำคดีต่อผู้กระทำผิด เป็นไปจากการสอบสวน รวบรวมข้อมูลสรุปส่งฟ้องคดีด้วยความกล้าหาญ และมีความรู้เท่าทัน ร่วมทั้งมีพยานหลักฐานที่แข็งแกร่ง ให้การทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวน เป็นความหวังต่อสังคมกับการแก้ปัญหายาเสพติดอีกด้วย โดยหวังว่าจะได้รับความรู้ ทักษะในการปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจ ที่ได้มอบหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ สำนักงานเลขาธิการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กระทรวงยุติธรรม ยังมีดำเนินการทั่วประเทศจำนวน 10 แห่ง ตามสำนักงาน ป.ป.ส. ภาค ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ พิษณุโลกเพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และสงขลา ในช่วง เมษายน – พฤษภาคม 2567 รวมจำนวนผู้เข้าอบรมกว่า 1,058 คน
