จากกรณีมีการก่อสร้างโครงสร้างอุโมงค์ทางลอดแยกรัชโยธินและทำทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวทำให้การจราจรติดขัด ต่อมากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ปรับแผนเปลี่ยนเส้นทางจราจรบริเวณแยกรัชโยธิน จากเดิมเป็นสี่แยกเปลี่ยนเป็นวงเวียน โดยปรับรูปแบบให้วงเวียนแคบขึ้น และจัดระบบจราจรใหม่ห้ามเลี้ยวขวาตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้ตรงไปกลับรถตามจุดที่กำหนด
ล่าสุด วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กำกับดูแลงานจราจร เปิดเผยถึงสภาพการจราจรบริเวณแยกรัชโยธินว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากห้ามเลี้ยวขวาทุกด้าน พบว่าการจราจรดีกว่าก่อนหน้านี้ เดินรถได้ดีขึ้น คิดว่าขณะนี้อยู่ตัวแล้ว การเคลื่อนตัวค่อนข้างดี ดูจากระยะท้ายแถวช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า-เย็น จากเดิมเวลา 07.00-08.00 น. ท้ายแถวอยู่ที่สะพานพระราม 7 มาวันนี้ท้ายแถวอยู่แค่สะพานรัชวิภา ท้ายแถวสั้นลง 3 กิโลเมตร ส่วนเส้นทางขาออกจากบริเวณหน้าศาลอาญาแทบไม่เหลือรถ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่การจราจรเคลื่อนตัวได้ดีขึ้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเพราะมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หยุดเรียนหรือไม่ พล.ต.ต.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ไม่มีผล เพราะมีงานเกษตรแฟร์แทน มีคนมาที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯตลอดเวลา ขณะนี้พบว่าผู้ใช้รถใช้ถนนปรับตัวต่อการปรับระบบการจราจรได้ดีขึ้น โดยตำรวจจะประเมินสัปดาห์ต่อสัปดาห์ มีตำรวจ สน.พหลโยธิน เจ้าของพื้นที่ จราจรกลาง สน.วิภาวดี และบริษัทผู้รับเหมา หารือร่วมกัน
“จากเดิมที่มีปัญหารถติดเนื่องจากวงเวียนใหญ่เกินไป และรถต้องวิ่งโค้งทำให้ต้องชะลอความเร็ว อาทิ จากเดิม 60 วินาที รถผ่านได้ 100 คัน ทำให้ลดลงเหลือ 50 คัน จากนั้นเราจึงแก้ปัญหาโดยการปรับวงเวียนให้แคบลง และห้ามเลี้ยวขวา แต่เปิดจุดยูเทิร์นให้ใหญ่ขึ้น พบว่าได้ผลเกินคาด ทำให้จังหวะการปล่อยสัญญาณไฟจาก 4 จังหวะ ลดลงเหลือ 2 จังหวะ รถจึงเคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น” รอง ผบช.น.กล่าว
