ตร.เปิดปฏิบัติการ สกัดจับ ‘จีน-สิงคโปร์’ ตัวการแก๊งไฮบริด สแกม ยึดทรัพย์กว่า 250 ล.

ปฏิบัติการ “The Purge” กวาดล้างอาชญากรข้ามโลก จับต่างชาติตัวการแก๊งไฮบริด สแกม ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 250 ล้าน เตรียมเฉลี่ยคืนแก่ผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่อาคารสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี) นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ร่วมกับ นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานอัยการสูงสุด, นายวิทยา เนติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย หัวหน้าโฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, คุณ Muang Promkesa HSI Investigator HIS และ คุณ Akbar A.Head of Investigation – APAC (Binance) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการ “The Purge” ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก จับต่างชาติตัวการแก๊งไฮบริด สแกม ตรวจยึดทรัพย์สินกว่า 250 ล้าน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 

สืบเนื่องจากการสืบสวนสอบสวนคดีที่มีการกระทำความผิดเชื่อมโยงกัน ของคดีอาญา สน.ศาลาแดง ที่ 452/2565, คดีอาญา สน.ดินแดง ที่ 462/2564 และคดีอาญาของ สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ที่ 727/2564 กรณีผู้เสียหายถูกหลอกลงทุนในลักษณะ ไฮบริด สแกม ซึ่งคนร้ายใช้วิธีการชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มปลอม จากนั้น ให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุล USDT และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ ก่อนที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของแพลตฟอร์มเทรดเงินดิจิทัล

Advertisement

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์สืบสวนจนได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่คนร้ายตัวจริงที่ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลดังกล่าวคือ นายซู (Mr.Shaoxian Su) ชาวสัญชาติจีนกับพวก และยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงนอมินีรูปแบบนิติบุคคลสัญชาติไทยที่เชื่อว่าจดทะเบียนเพื่ออำพรางการทำธุรกรรม โดยการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินต่างๆ

จนนำมาสู่ปฏิบัติการ “Trust No One” EP.1-5 มีการตรวจค้นกว่า 72 จุดทั่วประเทศ จากผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 3 ราย ตรวจยึดอายัดอสังหาริมทรัพย์คอนโดหมู่บ้านหรู รถยนต์ สินค้าแบรนด์เนม เงินสดและของกลางอื่นอีกหลายรายการ รวมมูลค่ารวมกว่า 1,900 ล้านบาท ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด ภายหลังสำนักงาน ปปง. มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว โดยยึดทรัพย์สินไว้ 15 รายการ ราคาประมาณ 600 ล้านบาท และลงประกาศให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์คืนจากกรณีดังกล่าว

Advertisement

ต่อมา บช.สอท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง ในส่วนคดีอาญา สน.ดินแดง ที่ 462/2564 พบว่าคนร้ายใช้วิธีการก่อเหตุโดยอาศัยวิธีการสุ่มติดต่อหาประชาชนผ่านแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลต่างๆ แล้วชักชวนพูดคุยให้เกิดความเชื่อว่าคนร้ายสอนการลงทุนเทรดคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อได้ผลกำไรจริง โดยผู้เสียหายในเคสนี้ถูกชักชวนให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของบุคคลต่างๆ (บัญชีม้า) ที่คนร้ายอ้างว่าเป็นบัญชีตัวแทนรับแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินสกุลดิจิทัล เพื่อโอนเข้าแอพพ์เทรดเหรียญดิจิทัล (แอพพ์ปลอม)

จากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่าปลายทางของเงินนั้น ถูกนำไปผ่านกระบวนการฟอกเงินด้วยระบบการเงินใต้ดิน และพบว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการเป็นกลุ่มชาวจีน และชาวจีนสิงคโปร์ โดยเป็นผู้จ้างวานเพื่อจดทะเบียนบริษัทนอมินี และนำข้อมูลบริษัทไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำมาใช้รับเงินจากการกระทำความผิด แล้วนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาเปลี่ยนสภาพไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วโอนต่อไปหลายลำดับเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและสร้างความยุ่งยากในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่

จนเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานทางการเงินที่ไม่สัมพันธ์กับฐานะของเจ้าของบัญชี และมีพยานหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม และยังพบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง การพนันออนไลน์ หรือยาเสพติดก็ตาม

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์จึงสั่งการให้เร่งทำการสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายดังกล่าว และยึดทรัพย์เพื่อนำมาคืนให้แก่ผู้เสียหายให้ได้โดยเร็ว จนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเอาไว้แล้ว จำนวน 26 คน และขอหมายค้นเพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญ จำนวน 4 จุด นำมาสู่ปฏิบัติการ The Purge ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรข้ามโลก สามารถจับผู้ต้องหารายสำคัญได้ จำนวน 4 ราย คือ

  1. นายตงเจี้ยน สัญชาติจีน อายุ 45 ปี ผู้รับผลประโยชน์ โดยจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.6 ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
  2. นายเว่ย คิง เคก สัญชาติสิงคโปร์ อายุ 41 ปี ผู้ทำหน้าที่จ้างวานเปิดบัญชีนิติบุคคลและบริหารจัดการทรัพย์สิน โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 12 นิวเซอร์เคิล ถ.พระตำหนักซอย 4 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
  3.  นายวศิษฎ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ทำหน้าที่ฟอกเงินผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจับกุมได้ที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
  4. น.ส.สิรภัทร (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี เป็นเจ้าของบัญชี

โดยจับกุมได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด จ.ตาก โดยแจ้งข้อหาในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนอันเป็นปกติธุระโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ และร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน”

อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ยังอายัดบัญชีเงินฝากรวมถึงตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินและบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ต้องหาและบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องในคดี ดังนี้

  1. อายัดบัญชีเงินฝาก ยอดเงินจำนวนประมาณ 40 ล้านบาทเศษ
  2. อายัดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล มูลค่าประมาณ 150 ล้านบาท
  3. อายัดเงินสด จำนวน 80 ล้านบาท
  4. ยึดรถยนต์หรู ราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท

รวมมูลค่าประมาณ 252.5 ล้านบาท

ต่อมาสำนักงาน ปปง.มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวที่ ย.92/2567 ลงวันที่ 17 เม.ย.67 โดยยึดเงินสด จำนวน 80 ล้านบาทข้างต้น ไว้เพื่อตรวจสอบ ซึ่งหากพบว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ก็จะถูกนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหายต่อไป

นอกจากนี้ ยังพบว่าเครือข่ายดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนสูงถึง 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะสืบสวนขยายผลต่อไป

การปฏิบัติการในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงลงได้จากความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งภายในและต่างประเทศ จนจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดอายัดทรัพย์สินจำนวนมาก โดยทางสำนักงาน ปปง. เร่งรัดขับเคลื่อนจนออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่ได้จากการตรวจยึดเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบและนำมาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้แก่ผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาคธนาคารไทยในการให้ข้อมูลต่างๆ รวมถึงการได้รับความร่วมมืออันดีระหว่างหน่วยงานต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Homeland Security Investigation (HSI) ตลอดจนความร่วมมือจากแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีชื่อเสียงอย่าง “BINANCE” ก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image