รมว.ยุติธรรมแจงปม ราชทัณฑ์ ปฏิเสธ มอบไฟล์ ‘บุ้ง’ ในรพ.ชี้มีภาพบุคคลอื่น ต้องถามก่อน

รมว.ยุติธรรมแจงปม ราชทัณฑ์ ปฏิเสธ มอบไฟล์ ‘บุ้ง’ ในรพ.ชี้มีภาพบุคคลอื่น ต้องถามก่อน

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กับมติชนออนไลน์กรณี นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ หรือทนายด่าง ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจ ได้เดินทางไป ขอข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ ทำการตรวจรักษา นางสาวเนติพรว่า ได้รับทราบจากทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทางกรมราชทัณฑ์ นั้นประสานให้ทางทีมทนายความ มาดูกล้องวงจรปิด แต่ขอให้ทนายดู แต่กรณีขอไฟล์กล้องวงจรปิดนั้นทางกรมราชทัณฑ์ ต้องดำเนินการขออนุญาตบุคลคลที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดอื่นๆ ให้ครบก่อน แต่ทราบว่าทนายไม่ดู

พ.ต.อ.ทวียังระบุว่า ทั้งนี้เนื่องจากกรณีที่ต้องพิจารณาให้เกิด ความถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งปรากฏอยู่ในภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด เป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ และสิทธิส่วนบุคคลของบุคลากรทางการแพทย์ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจรักษาในขณะเกิดเหตุ รวมทั้งภาพไม่เหมาะสมของผู้ที่เสียชีวิต ในช่วงเวลาที่กำลังตรวจรักษาอาการเจ็บ ก่อนเกิดเหตุเสียชีวิตโดยกรณีสิทธิส่วนบุคคลดังกล่าว ถือเป็นกรณีละเอียดอ่อนซึ่งหากเผยแพร่ไปสู่สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม “กรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงว่า กรณีทนายความขอรับข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด” วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า ตามที่นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ หรือทนายด่าง และนางสาววีรดา คงธนกุลโรจน์ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจ ได้เดินทางไปขอข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ ทำการตรวจรักษา นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม นั้น

Advertisement

กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าวทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้แจ้งให้ทนายความได้รับทราบว่ายังไม่สามารถส่งมอบข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดภายในทัณฑสถาน โรงพยาบาลฯ แก่ทนายความของนางสาวเนติพรตามที่ร้องขอได้

เนื่องจากเป็นกรณีที่ต้องพิจารณาให้เกิด ความถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งปรากฏอยู่ในภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดได้แก่ สิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ และสิทธิส่วนบุคคลของบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจรักษาในขณะเกิดเหตุ รวมทั้งภาพไม่เหมาะสมของผู้ที่เสียชีวิต ในช่วงเวลาที่กำลังตรวจรักษาอาการเจ็บ ก่อนเกิดเหตุเสียชีวิตโดยกรณีสิทธิส่วนบุคคลดังกล่าว ถือเป็นกรณีละเอียดอ่อนซึ่งหากเผยแพร่ไปสู่สาธารณะอาจเป็นฐานข้อมูลและคงอยู่ในระบบอินเตอร์เน็ตหรือโลกโซเชียล (ดิจิทัลฟุตพรินต์) โดยไม่ปรากฏหลักประกันว่าแม้ระยะเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็อาจจะไม่สามารถนำออกจากระบบดังกล่าวได้

อีกทั้งยังเป็นการยากที่จะตรวจสอบได้ว่าข้อมูลดังกล่าวยังอยู่ในระบบโซเชียลมีเดียหรือไม่ ดังนั้น จึงถือเป็นความสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียชีวิต ญาติผู้เสียชีวิต และอาจเสียหายแก่ทางราชการในด้านของการควบคุมและตรวจรักษาผู้ต้องขังภายในเรือนจำ ดังนั้น กรมราชทัณฑ์ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งการพิจารณาให้ข้อมูลดังกล่าวแก่บิดามารดาของผู้เสียชีวิต และเรียนเชิญนัดหมายให้ไปตรวจสอบและปรึกษาหารือร่วมกันกับทางทัณฑสถานฯ และเพื่อให้การยืนยันว่าทางครอบครัวผู้เสียชีวิตมีความต้องการให้ทางกรมราชทัณฑ์เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

Advertisement

กรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่าการเปิดเผยข้อมูลภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดตามที่ทนายความร้องขอได้หรือไม่อย่างไรนั้น ต้องถือปฏิบัติตามหลักการที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอื่น และของผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมราชทัณฑ์ ที่กำหนดไว้ตาม ม.15 (5) และ (6) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 ประกอบกับ ม.7 แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ตัดสิทธิของผู้ที่ยื่นขอข้อมูลดังกล่าวที่จะอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น และขอให้ติดตามข้อมูลทางการแพทย์และผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องไม่คลาดเคลื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image